30 มีนาคม 2553

[News] YG Ent ยืนยัน บิ๊กแบง (BIGBANG) รีเทิร์นวงการเพลงเกาหลีในรอบ 2 ปี ฤดูร้อนนี้ชัวร์!

YG Ent ยืนยัน(BIGBANG) รีเทิร์นวงการเพลงเกาหลีในรอบ 2 ปี ฤดูร้อนนี้ชัวร์!










บิ๊กแบง (BIGBANG) เตรียมคัมแบ็คฤดูร้อนปีนี้ (มิถุนายน~สิงหาคม)

บิ๊กแบง มีแผนเตรียมเปิดตัวผลงานอัลบั้มใหม่พร้อมทำกิจกรรมอย่างเต็มตัวในประเทศ เกาหลีอีกครั้งช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ทางด้านต้นสังกัดเผยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม กล่าว "หลังจากพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับการทำกิจกรรมในประเทศญี่ปุ่น บิ๊กแบง เตรียมรีเทิร์นวงการเพลงเกาหลีอีกครั้งในรอบ 2 ปีช่วงฤดูร้อนปีนี้ครับ"

หลังจากบิ๊กแบงปล่อยอัลบั้มชุดที่ 2 'Red Sunset' เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 สมาชิกแต่ละคนอย่าง แทยัง ซึงรี แดซอง จีดรากอน ก็ได้เดินสายทำกิจกรรมงานเพลงเดี่ยวและได้ความรักอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ท็อป มีผลงานละคร KBS 2TV 'IRIS' จนได้รับคำชมจากทุกฝ่ายในมาดของนักแสดงกันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บิ๊กแบง ได้ลุยทำกิจกรรมงานเพลงที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2552 ส่งผลให้แฟนๆที่เกาหลีไม่ได้พบเห็นเขาทำกิจกรรมร่วมกัน จึงส่งผลให้แฟนๆเพลงต่างรู้สึกเศร้าใจกันอย่างถ้วนหน้า

28 มีนาคม 2553

ความลับของ BB ( V.I.P. รู้จิงป่ะ ) สัมภาษณ์สดจร้า


1.
เมื่อไหรที่พวกคุณพุดถึงความในใจของกันและกัน
?
-
พวกเราคิดว่าพวกเราทุกคนมีบุคคลิกที่แตกต่างกัน แต่ว่าก็ยังไม่เคยพูดอะไรนะครับ (
G-dragon
ตอบ )
2.
ถ้าเกิดว่าวงไม่ได้ชือ่
Big Bang
ล่ะ อยากจะให้ชื่ออะไร
?
-
ตอนแรกเริ่มเลยเนี่ย วงของพวกเราชื่อว่า "
Apex"
ต่อมาก็ "
Stump"
แต่ช่วงนั้นพวกเราก็คิดชื่อวงว่า "
Diamond "
ด้วย ซึ่ง
G-dragon
อยากให้ชือ่
Diamond
แต่ยง ฮยอน ซอกคิดว่าชื่อนี้ดูเด็กเกินไป
3.
เรียนได้เกรดดีที่สุด/คะแนนเท่าไหร
?

Taeyang -
ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ต้นผมอยู่อันดับสิบ
10
นะ แต่ว่าตอนที่เรียนอยู่ม.ปลาย ผมได้ที่
30
จาก
100
ตอนที่สอบเลข
G-Dragon -
ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ปลาย ผมได้ คะแนน
87
คะแนนคือคะแนนที่ดีที่สุดของผม ช่วงที่ผมเรียน ม.
2
ตอนนั้นผมกำลังทำกิจกรรมร่วมกับค่าย
YG Family
อยู่ก็เลยได้แค่
64
คะแนน แล้วพ่อกับแม่ผมบอกว่า " ถ้าเกิดว่ายังได้คะแนนน้อยแบบนี้อยู่ ก็ไม่ต้องรับใบประกาศมันซะดีกว่า" ดังนั้น คุณยางฮยอนซอกเลยบอกกับผมว่าถ้าเกิดว่าไม่ได้คะแนน
80
คะแนนผมจะไม่ไดออกจากห้องซ้อมเลยแล้วหลังจากนั้นผมก็ได
80
คะแนนจริงๆครับ
Daesung -
ตอนที่เข้าเรียนใหม่ๆผมได้
85
คะแนนนะ แต่ว่าตอนม.
2
ผมติดเกมส์มากก็เลยได้
62
คะแนน เกือบตกแหนะครับ
Seungri -
ผมได้
81
คะแนนตอนม.
1
แต่หลังจากที่ผมเริ่มเต้น ก็ได้แค่
40
คะแนน
T__T

TOP -
ผมจำไม่ได้ว่า คะแนนที่ผมทำได้ดีที่สุด มันเท่าไหร แต่ผมไม่คิดว่าผมเคยได้คะแนนดีๆแบบคนอื่นเค้าน่ะครับ
4.
นิสัยการนอนของสมาชิกในวงแต่ละคนเป็นยังไง
?

G-Dragon -
เวลาผมนอนหลับผมชอบนอนกอดซึงรี


Taeyang -
ผมชอบนอนละเมอพูดออกมา ผมว่าผมไม่เคยนอนละเมอนะแต่พอฝันทีไรก็จะเริ่มพูดอะไรสักอย่างที่ผมกำลังฝันอยู่ออกมาแต่ผมก็จำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรบ้าง
TOP -
ผมว่าผมไม่มีนิสัยแปลกๆเวลานอนหลับนะ แต่ตอนที่ผมเด็กอ่ะผมชอบนอนละเมอแล้วลุกขึ้นเดิน แต่ตอนนี้เวลานอนผมจะชอบเอา
hood
คลุมหัว
>>
แล้วไง!! เอาฮู้ดคลุมหัวแล้วจะไม่ละเมอเหรอ

ตอบไม่เคลียร์นะเนี่ย


Seungri -
ผมชอบนอนตะแคง ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผมพยายามจะนอนหลีก
G-dragon
มั้งครับ เพราะเค้าชอบนอนกอดผมอ่ะ แต่พอผมนอนแบบนี้ทีไรนะแดซองชอบผลักผมนอนซะติดกำแพงเลย
Daesung -
ผมไม่มีนิสัยเสียเวลานอนหลับนะ ตอนนอนเป็นยังไงตื่นมาก็นอนแบบนั้น ผมไม่นอนดิ้นด้วย
! >>
เอ แต่ซึงรึ บอกว่าหนูเคยผลักน้องติดกำแพงไม่ใช่เหรอจ๊ะ



5.
พวกคุณคิดว่าตอนไหนที่พวกคุณดูดีที่สุด
?

G-Dragon -
ผมว่าผมดูเท่ห์มากเวลาอยู่บนเวที แล้วยิ่งตอนนี้ ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมไปส่องกระจกดูผมรู้สึกว่าทรงผมของผู้ดูเทห์มากเลย
Taeyang -
ตอนที่ผมเต้นบนเวทีแล้วเหงื่อออกครับ แต่บางครั้งเวลาผมส่งกระจกผมก็คิดว่าตัวเองดูเทห์อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
TOP -
ผมไม่คิดว่าผมดูดีนะครับ เพราะผมเป้นคนที่ดูดีอยู่แล้ว ใส่อะไรก็ดูดี
Seungri -
เวลาผมเห็นความพัฒนาของตัวเอง
Daesung -
ผมเวลาเห็นคนอื่นๆมีความสุขกับมุขตลกของผมครับ
>>
อา หลงตัวเองกันเข้าไป

คำถามนี้ มักเน่ตอบดีที่สุด



6.
อะไรที่คุณไม่อยากให้แฟนเพลงทำ หรือว่าอยากให้ทำน้อยที่สุด
?

Seungri -
ถึงเนื้อถึงตัวครับ เพราะว่า บางคนเดินเข้ามาแล้วชอบจับก้นพวกเรา ( น้องอีไม่ให้จับก้นงั้นเจ๊จับอย่างอื่นก็ได้ โฮ๊ะๆๆๆ )
G-Dragon -
บางครั้งพวกเราโดนดึงผมครับบางทีก็รุมทึ้ง แต่พอพวกเราเข้าไปในรถเพื่อที่จะไปทำงานอื่นต่อพวกแฟนๆชอบโยนของเข้าไปในรถ แล้วโดนพว
กเราน่ะครับ ผมอยากจะบอกว่ามันเจ็บมากๆเลยนะ แล้วก็มีแฟนคนนึงเคยขึ้นมาบน
apartment
ของพวกเราแล้วก็พยายามเอาหูมาแนบฟังที่ประตูห้
องถ้าเกิดว่าพวกเค้าให้ความเป็ฯส่วนตัวกับพวกรเมากกกว่านี้จะดีมากเลยครับ
Taeyang -
ผมหวังว่าจะมีคนมาที่
apartmen
เราน้อยลง ผมอยากจะพักผ่อนน่ะครับแล้วก็ไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย
TOP -
เอารูปครอบครัวของผมมาลง
internet
ผมรู้สึกผิดต่อครอบครับน่ะครับ
Daesung -
แตะต้องพวกเรามากเกินไป ผมชอบนะครับถ้าเกิดว่าพวกเค้าไม่มาลูบๆคลำๆตัวพวกเราเนี่ย
TOP -
ช่ายครับ คือบางครั้งเนี่ย มันทำให้รู้สึกว่า บางทีลูบๆคลำๆจนจะเอากางเกงในผมออกมาอยู่แล้ว แต่คือมันเป็นแค่ความรู้สึกวูบนึงน่ะครับแต่ตอนนี้หายไปละ


>>
อาฮะ ไม่ชอบโดนลวนลามนั่นเอง


แต่แหม

ก็เข้าใจแฟนคลับเหมือนกัน ยิ่งกรณีของเทมโปเนี่ย

น่าลูบไล้ที่สุดดดด


7.
ใครคือคนต้นคิดให้ซึงรีใส่กางเกงรัดรูปใน
Teh Gag Concert
มันเป็นที่กล่าวขานกันมากเลย


-
เป็นความคิดของ
G-dragon
ครับ แต่ว่ามันไม่ใช่กางเกงรัดรูปนะ เค้าเรียกว่า
Legging
ต่างหาก ( ซึงรีพูด
)


8.
ใครขี้เหนียวที่สุดในวง
?

-Taeyang!
เวลาพวกเราได้ของจากแฟนนะพวกเราจะมีที่เก็บเฉพาะแต่เทยังไม่ครับ เค้าจะเอาเข้าห้องตัวเองเลย
9.
เคยอิจฉาสมาชิกคนอื่นในวงบ้างหรือป่าว แล้วคุณคิดว่าควรจะเรียนรู้และเปลี่ยนตัวเองอย่างไร
?

Daesung -
ความเป็นผุ้นำของจียงครับ ผมอยากเรียนรู้ว่าการเป้นผู้นำคนอื่นเนี่ยจะต้องทำอย่างไรบ้าง
>>
ท่าจะยากนะ แดซอง

จียงนี่เป็นตัวของตัวเองสูงมาก
self
สุดๆ

เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วล่ะ


G-Dragon -
พวกเราแต่ละคนมีบุคคลิกที่แตกต่างกันซึ่งความจริงแล้วเนี่ยผมอยากเรียนรู้อีกหลายๆอย่าง แต่ด้วยบุคลิกของผมแล้ว มันเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับเเทยังโดยสิ้นเชิง ซึ่งผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมาหรือไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมาย

ในขณะที่แทยังเป็นคนใจดี สบายๆ คือผมอยากเป็นคนที่ดูอบอุ่นแบบเทยังน่ะครับ
Taeyang -
รอยยิ้มสดใสของแดซอง แม้ว่าผมจะเป็นคนยิ้มบ่อยแต่ใครหลายๆคุณพูดกันว่ารอยยิ้มของผมเมหือนเต็มไปได้วยความเศร้า ซึ่งรอยยิ้มของแดซองนั้นดูแล้วมีความสุขอ่ะครับ
TOP -
คงามตั้งใจของมักเน่ครับ เวลาเค้าทำงานเสร็จเนี่ยผลงานของเค้าจะออกมาดีมาก จียงก็เช่นเดียวกันซึ่งสิ่งนี้แหละที่ผมอยากจะเรียนรู้จากทั้ง
2
คนครับ
Seungri -
ความรู้สึกของ
TOP
ครับ เค้าเป็นคนที่มีอารมณ์ขัดมาก ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอารมณ์ไหนหรือสถาณะการณ์ไหนก็ตาม
10.
สมบัตืที่มีค่าของแต่ละคนคืออะไร
?

Daesung -
ผมชอบเดินถือโทรศัพท์ เครื่องเล่น
Mp3
ลิปมัน
Seungri - Mp3
ผมอยู่ไม่ไดถ้าไม่ดนตรี ซึ่งผมทำหูฟังหายไปแล้ว
TOP -
กระเป๋าเป้ผมครับ เพราะของทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดเลย เป้นของที่คนในวงให้ผมน่ะครับ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่สะพายติดตัว


Taeyang -
เปียโนที่ผมได้ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักเปียโน แม่ผมก็เลยซื้อให้ผมครับ
G-Dragon -
เสื้อผ้า
,
รองเท้า
,
หมวก ก็มีอยู่แค่นี้ แต่ถ้าเกิดว่าผมเสียมันไป ผมก็หาซื้อไม่ได้อีก มันกลายเป้นนิสัยของผมที่ชอบเก้บสะสมมันไปแล้ว



11.
ไหนพูดถึงจูบแรกของพวกคุณให้ฟังหน่อยซิ
?

G-Dragon -
ตอนที่เข้าเรียนม.ปลายใหม่ๆ หน้าบ้าน ผมจูบครั้งแรกกับแฟนด้วยจูบที่นุ่มนวลครับ ที่ผมทำก็เพระอยากจูบแล้วผมก้ชอบเธอ ตอนนั้นใจผมเต้นแรงมาก แต่สุดท้ายเราก็เลิกกัน
Taeyang -
ก็เดือนกันยาที่ผ่านมาไงครับ ถ่าย
music vdo
ใน
album 2 >>
อันนี้ได้ข่าวว่า หลังจากที่จูบกับนางเอกใน
MV
แทยังก็โทรไปหาเพื่อนในวง บอกว่าตัวเองต้องตายแน่ เพราะเพิ่งเสีย
first kiss
ไป

คิดแล้วขำจริงๆเลย


TOP -
ของผมตอน ม.
1
เกิดขึ้นที่แม่น้ำฮัน ผมอยู่กับแฟน
2
คนแล้วก็ เกิดอยากจูบขึ้นมา แต่มันก้เป็นจูบที่นุ่มนวลนะครับ
>>
ไหนเคยบอกว่าอยากเก็บเป็นความทรงจำไง

สุดท้ายก็เล่าจนได้


Seungri -
ของผมตอน ม.
3
ที่สวนสาธรณะ ตอนนั้นฝนตกครับ ที่เราจูบกันเพราะเรา
2
คนหันมาสบตากัน
Daesung -
ของผมตอน ม.
3
ครับ จูบกับแฟนที่ร้านกาเฟร้านนึง ที่จูบกะเพราะเราชอบกัน



12.
ใครเป็นคนที่เวลาโกรธแล้วน่ากลัวที่สุด
?

G-Dragon -
เวลาผมทำงานนี่ผมน่ากลัวนะ ผมไม่คิดว่าสมาชิกคนไหนเคยโกรธแบบสุดๆอ่ะครับ แต่ผมว่าตัวผมเนี่ยชอบอารมณ์เสียง่ายเวลาฝึกซ้อม เพราะพวกเราถูกจับตามองแล้วก็ทำงานหนักด้วย
>>
อืม น่าจะเป็นอย่างนั้น

รองลงมา ขอยกให้เทมโปละกัน



13.
คุณเคยแอบเค้ามาดูแฟน
cafe
หรือป่าว
?

Seungri -
เคยครั้งเดยวครับ มีคนเขียนอะไรบางอย่างไม่ดีเกี่ยวกับผมเนี่ยแหละผมก็เลยเขียนข้อความกลับไปแบบว่าในเชิงบวกเกี่ยวกับตัวผมเองใน
website


14.
ใครคือคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วอึดอัด
?

G-Dragon -
ไม่มีนะครับ ส่วนตัวผมเองอาจจะเป็นคนที่น่าอึดอัด แค่จากประสบการณ์แล้วไม่มีนะ


Taeyang -
ไม่มีครับ เท่าที่ผมเห็นนะ ก็มีแต่เวลา
2
ซึงฮยอน อยู่ด้วยกันอ่ะ
Seungri -
บางครับผมรู้อึดอัดนะเวลาผมอยู่กับแดซอง
2
คน


TOP -
ผมไม่คิดว่าอยู่กับใครแล้วอึดอัดนะ


Daesung -
ไม่มีนะครับ แต่ว่าซึงรีอ่ะคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ
??


15.
อยากจะเลิกเป็นนักร้องบ้างมั๊ย
?

Daesung -
เวลาผมอยู่บนเวลาเวทีและไอ้ที่ซ้อมๆมานั้นไม่ได้แสดง.. จะว่าไปบางครั้งผมก็รู้สึกแบบนั้นนะ


Seungri -
เวลาที่ผมโดนคนหลายๆคนดูหมิ่นเพราะว่าผมยังเด็ก ถึงผมยังเด็กแต่ผมก็ทั้งร้องทั้งเต้นได้ แต่บางครั้งก็มีคนพูดแก้ตัวให้ " อืมม ก็ดีนะยังเด็กอยู่เนี่ย"


TOP -
เวลาที่ผมเห็นคนหลายๆคนรู้สึกไม่พอใจ บางครั้งแฟนๆที่เราเจอกันบ่อยก็ไม่ค่อยมาให้เห็น
---
ผมไม่ขอยกตัวอย่างละกันแต่มันคือความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้


Taeyang -
ผมไม่เคยรู้สึกอย่างจะเลิกเป็นนักร้องเลย แต่บางครั้งผมแค่รู้สึกอยากหนีเวลาโดนบังคับแม้ว่าผมจะไม่สามารถทำได้ก็ตาม


G-Dragon -
ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
16.
เคยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกในแฟน
cafe
มั่งมั๊ย


G-Dragon -
เคยสิ เยอะเลยแหละ บางครั้งผมก็อยากรู้เรื่องของพวกเค้านะ ผมก็เป็นเหมือนพวกเค้าน่ะแหละ อืมมที่ผ่านมาผมเคย สมัครของ
Boa
กะ
Ivy Fancafes
นะ อย่างครั้งแรกที่ผมเห้น
Ivy
บนเวทีผมชอบเค้าเลยก็เลยอยากเห็นรูปเค้า แต่ว่าตอนนี้ชื่อผมมันหมดอายุไปแล้ว
web Boa
ก็เหมือนกัน


Taeyang -
ครั้งเดียว เป็นของ
Se7en Fancafe

TOP -
ผมไม่เคยสมัครที่ไหนเลยหลังจากที่ สมัครของ
Soetaiji
ไป แต่ผมเคยไปสมัคร
webite
ของ
African-American
นะ เอ๊...ของใครน๊า แหน่ อยากรู้อ่ะดิ
??

Daesung -
เคยสมัครไปของ คิม บอมซู
fan cafe
ครั้งนึง ของคิมจองอาที่
Nonstop web
ครั้งนึงในชื่อ
I Want Kim Jung Ah
นี่แล้วผม
post
ด้วยนะ


Seungri -
ผมเคยสมัครของ
Shinhwa ,
ดงบังชินกิ และก็ นัม ยองจุนแฟนคาเฟ่ แล้วก็มีคนอื่นอีกนะ ผมน่ะชอบฟุตบอล เคยเข้้าไปสมัครใน
web
ของ ปัก จีวอง แล้วก็ ลี ยังพโยด้วย
.


17.
ใครคือคนที่คุณต้องรีบโทรหามากที่สุด


G-Dragon -
พ่อ
Taeyang -
แม่
Seungri -
เบอร์ของคนที่บ้าน
Daesung -
แม่
TOP -
แม่
18.
คุณเคยเห็นมั่งมั๊ยว่าตอนไหนที่รู้สึกว่าเสี่ยอู๊ดน่ารักแล้วก็แสนดี
?

G-Dragon - Mr. Yang Hyun Suk
เป็นคนที่รักรองเท้ามากๆ
lovees shoes
ครั้งนึงผมเคยเห็นเค้าได้รองเืท้าที่เค้าอยากได้มานาน แล้วเป้นคู่ที่เค้ารักมาก ผมเห็นเค้าอวดรองเท้าใหญ่เลย ผมรู้สึกว่าตอนนั้นเค้าน่ารักดี แล้วก็เวลาที่เค้าฟังเพลงแล้วก็เต้นตาม ผมเคยเห็นนะ กลั้นหัวเราะอยู่ตั้งนาน
Taeyang -
ผมรู้สึกกลัวเค้าอยู่บ่อยครั้งนะ เลยนึกไม่ออกว่าเวลาเค้าน่ารักแล้วจะเป็นยังไง


TOP -
เค้าน่ากลัวออก ผมคิดว่าช่วงเวลานั้นมันไม่น่าจะมีทางเกิดขึ้นแน่ๆ ( อีเด็กนี่ -"-)
Daesung -
ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเวลาเจอเค้านะ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นเมหือนกัน


Seungri -
ไม่เคยเห็นอ่ะ
19.
ดนตรีคือ...
?

GD -
ดนตรี คืออ๊อกซิเจน ถ้าเกิดคุณไม่มีอ๊อกซิเจนคุณก็หายใจไม่ได้ สำหรับผมแล้วดนตรีก็เหมือนอะไรแบบนั้น มันคือส่วนหนึ่งของผมถ้าขาดมันแล้วผมก็คงอยู่ไม่ได้ มันคือลมหายใจของผม


Taeyang -
ดนตรีคือส่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีเป็นพิเศษ บ่อยครั้งที่ผมแสดงสิ่งแย่ๆของตัวผมเองให้คนอื่นเห็น แต่ดนตรีนี่แหละที่ให้ผมรู้สึกดีขึ้นจริงๆ


TOP -
ดนตรีคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์เราได้ ซึ่งมันทำให้คุณมีทั้งความสุข และความเศร้า


Seungri -
ดนตรีคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีดนตรี
Daesung -
ดนตรีคือเพ่อนของผม เป้นสิ่งที่ผมต้องการเสมอ ซึ่งถ้าไปไหนมาไหนยังไงก็ต้องมีสิ่งนี้ไปด้วย



20.
นักร้องหญิงคนไหนที่พวกคุณอยากจะร่วมร้องเพลงด้วย
?

GD - Ivy
หลังจากที่ผมเห้นเค้าเต้นผมก็รู้สึกตกหลุมรักทันที การแสดงของเค้าเป็นการแสดงที่ดีเยี่ยม ผมอยากจะแต่งเพลง
hip hop
แนว
sexy
ให้เค้าจริงๆ


Taeyang -
ลีซูน แม้ว่าผมยังข้อบกพร่องอยู่แต่ถ้าทักษะการร้องเพลงของผมได้รัยการยอมรับผมอยากจะร้องเ
พลงร่วมกับเค้าจริงๆ


TOP - Lyn, Gummy
ผมเคยเห็น
Lyn
ทำงานร่วมกับศิลปิน
Hip Hop
หลายคน และผมเลยปราถนาที่จะทำงานร่วมกันกับเค้าเช่นเดียวกัน ผมอยากรู้ว่า จะเป้นความรู้สึกแบบไหนถ้าหากเราได้แต่งเพลงร่วมกัน เพราะว่าเค้าเป็นศิลปินที่ดูดีหลายแบบ มีสีสันมาก แล้วผมก็อยากทำเพลงแนว
American
ร่วมกับ
Gummy
ด้วย
Seungri - Big Mama
เวลาผมฟังเพลงของพวกเค้า ผมรู้สึกขนลุก แล้วผมอยากดูว่าผมจะสามารถแสดงอารมณ์ได้เหมือนกับที่พวกเค้าแสดงหรือป่าว


Daesung -
ปัก จอง ฮยอน (
Lena Park)
ผมชอบเค้ามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ผมชอบ
style
การร้องเลพงของเค้า เค้าร้องเพลงเสียงสูงซึ่งผมคิดว่าเสียงของผมเองน่าจะเข้ากับเสียงของเค้า ด้วยเช่นกัน
21.
คุณคิดยังไงเมือ่เห็นแฟนเพลงที่อายุ
20-30
มาดูพวกคุณ
?

GD -
ครั้งแรกที่เห็นผมรู้สึก
surprise
นะ แต่ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นแล้วก็สบายใจเวลาเจอพวกเค้า


Taeyang -
บางครั้งผมคิดนะว่าทำไมพวกเค้าถึงมาเป็นแฟนของพวกเราได้ แต่ผมก็ยังรู้สึกมีกำลังใจจากพวกเค้า เพราะพวกเค้าให้คำแนะนำที่ดีแล้วก็ให้ความมันใจกับพวกเราด้วย


TOP -
ผมรู้สึกเหมือนแทยังนะ ผมรู้สึกเสมอว่าพวกเค้าอยู่เคียงข้างเราเสมอและผมมีความรู้สึกว่าพวกเค้าชอบเพลงเราม
ากกว่าหน้าตา
Like TY,

Seungri -
ผมรู้สึกภูมิใจนะ เพราะว่าผมเห็นว่าเพลงของพวกเรามันก้าวหน้าขึ้นแล้วก็ดึงดูดคนหลายประเภท


Daesung -
ผมรู้สึกว่าพวกเค้าดูแลเราดี ผมคิดกับตัวเองว่า ตอนนี้เพลงของพวกเราเป็นที่ยอมรับกันแล้ว



22.
สมาชิคนไหนที่เปลี่ยนแปลงความประทับใจของพวกคุณในครั้งแรกที่ได้เจอ
?

GD -
แดซอง เค้าเป็นคนที่ถ่อมตัวแล้วก็ยิ้มเก่ง แต่บางครั้งเค้าก็ดูเป็นคนขี้เหงาแล้วก็เจ็บปวดง่าย เค้าเป็นคนที่แสดงความรู้สึกออกเสมอและพยายามเป็นคนร่างเริงด้วย
Taeyang -
ซึงรี ตอนที่ผมเห้นเค้าอยู่ใน
Battle Shinhwa
ผมคิดว่าเค้าดูไม่ค่อยจะมีมารยาทเท่าไหร แต่พอได้รู้จักเค้าจริงๆนั้นผมได้รู้ว่าเค้าเป็นคนที่ร่างเริงและ สุภาพมากๆ


Seungri - G-Dragon
ครั้งแรกผมคิดว่าผมน่ะกลัวเค้ามากเลยเพราะว่าเค้าดูเยือกเย็น แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่มีความเอาใจใส่และตลกแล้วก็มีความเป้นผู้นำด้วย


Daesung - T.O.P
เค้าไม่ใช่เป้นคนที่แสดงออกทางสีหน้าเลยทำให้ผมรู้สึกเกรงใจและคิดว่าเค้าเป็นคนเงียบๆ แต่ตอนนี้ เห้ฯว่าเค้าเป้นคนที่ร่างเริงแล้วก็ชอบแกล้งชาวบ้าน อืมม รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยน่ะ


T.O.P - ?????? (
ไม่มีคำตอบ)
23.
อะไรที่คุณได้ยินแล้วไม่ชอบมากที่สุด
?

GD -
ไม่ชอบคำว่า " พวกเธอมันก็เหมือนกันหมดน่ะแหละ "


Taeyang -
เวลามีคนมาตัดสินพวกเราแค่ใบหน้า พวกเรารู้สึกแย่เวลาถูกมองแค่ภายนอก


TOP - "
คนนี้ดูน่ากลัวจัง" ผมเกลียดมากเวลามีใครมาพูดว่าผมดูเป็นคนไม่ดี


Seungri -
ไม่ชอบเวลามีคนบมาบอกว่าผมเตี้ย อีกอย่างผมรู้สึกเจ็บมากเวลามีคนว่าผมขาสั้น มันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ


Daesung -
ผมไม่ชอบเวลามีคนมาถามว่า อ้วนขึ้นหรือป่าว คือผมรู้สึกแย่เพราะผมพยายามที่จะลดนำหนักควบคุมอาหารทั้งๆที่ผมอ่ะอยากกิน แต่ก็มีคนมาพูดกับผมแบบนี้ผมไม่ชอบเลย



24.
ถ้าสมาชิกในวงคุณเป็นผู้หญิง คุณอยากจะไป
date
กับใครมากที่สุด
?

GD -
ซึงรี เค้าน่ารักและเป็นตัวของตัวเองมาก
Taeyang -
แดซอง เค้ายิ้มเก่งนะแถมเวลายิ้มแล้วเค้าดูดี มันดูจริงใจดี


TOP -
แทยัง ผมอยากจะทำให้ความใสซื่อของเค้าหายไป
>>
เอ๊ะ มันหมายความว่าไงเนี่ย น่าสงสัย


Seungri - G-Dragon
ผมคิดว่าเค้าดูแลผมดี


Daesung - T.O.P
เค้าดูเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่คนอื่นเก่ง ผมเค้าว่าเค้าสามารถทำให้ผมหัวเราะและมีความสุขได้



25.
คุณเคยสนใจอย่างอื่นมากกว่าดนตรีหรือป่าว
?

GD - Fashion
ถ้าเกิดผมไม่ได้ทำเพลง ผมอยากจะเรียนเกี่ยวกับด้าน
Fashion
น่ะ
>>
ตอนนี้ คุณเธอก็นำแฟชั่นอยู่แล้วนิ


Taeyang -
มันคือความใฝ่ฝันของผมที่ได้มาขึ้นแสดง อืมม ถ้าหากไม่ไดเป้นนักร้อง ก็อยากเป็นตลก


TOP -
ผมเคยสนใจพวก
fahion
ด้วยนะ ผมชอบเสื้อผ้า อย่างเสื้อผ้าเด็ก หรือไม่ก็เปิดร้านขายเสื้อผ้า


Seungri -
อยากเป็นคุณครูอนุบาล ผมชอบสอนคนอื่นๆด้วยนะ


Daesung -
นักกีฬา ผมชอบ ปัก ชัน โอ จั้งแต่เด็กแล้ว ผมเคยฝันอยากเป็นนักเบสบอลด้วย แต่ผมก็เคยคิดที่อยากจะเป็นบาทหลวงนะ



26.
มีชื่อที่แฟนๆตั้งให้แล้วพวกคุณชอบมั่งมั๊ย
?

Seungri - "
แดซองขี่มังกรขึ้นไปบนจุดสูงสุดของพระอาทิตย์และร้องให้เพราะได้รับชัยชนะ"

แฟนของพวกเรา ส่งข้อความนี้มา เค้าใช้ชื่อของพวกเราหมดเลย


Daesung - "Daesung
ภูตแห่งความขำขัน" มันก็ไม่ได้แปลกอะไรมากเพราะผมคิดว่าผมเป็นคนตลกแล้วก็เคยคิดมุขขึ้นมาเล่นเองด้วย


TOP -
สัตว์ร้ายซึงฮยอน อาจจะเป็นเพราะเสียงผมเวลา
rap
ก็ได้ มันใหญ่น่ะ แต่ก็มีคนพูดอีกนะว่าผมคล้ายนกกระสา
>>
ก๊าก โดนใจแฮะ



27.
ของขวัญจากแฟนๆชิ้นไหนที่พวกคุณได้มาแล้วทำให้คุณรู้สึกประทับใจที่สุด
?

GD -
ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ต้น วันเกิดวันนั้นผมรู้สึกเศร้าแล้วก็เหงาๆแต่พอได้อ่านจดหมายจากแฟนๆแล้วก็ทำให้รู้สึก
ดีขึ้น


Taeyang -
การ์ดที่แฟนๆใช้เวลาทำให้แล้วก็จดหมายจากแฟนๆ มันทำให้ผมสัมผัสและรู้สึกได้ว่า แฟนๆมีความทำยายามที่จะทำสิ่งดีๆให้กับผม


TOP -
ไดอารี่ของพวกเค้า พวกเค้าเขียนความรู้สึกทั้งหมดลงไปในนั้นตั้งแต่ก่อนผมจะ
debut
จนประทั่งผมกลายเป็น
Big Bang
และเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับการแสดง ว่าเป็นยังไง รู้มั๊ยว่าผมเก็บมันไว้ข้างๆเตียงตลอดเวลา แล้วก็เปิดอ่านอยู่บ่อยๆ แล้วก็สมุดภาพที่แนบมาพร้อมกับจดหมายแฟนๆพยายามทำให้ มันหนายิ่งกว่าสมุดโทรศัพท์อีกนะ


Seungri - album
รูปที่มีรูปผมทั้งหมด
600
รูป ทั้งรูปจริงแล้วก็รูปที่
cap
มาจากรายการ
TV
หรือ
radio

Daesung -
หนังสือที่เขียนด้วยลายมือ ตอนเขียนจบมีดินสอทู่ๆแปะอยู่ด้านหลังปกด้วย เป็นเหมือนกับว่าดินสอที่ใช้ตั้งแต่ใหม่จนกระทั่งมันกุดเหลือนิดเดียว



28.
อะไรคือสิ่งแรกที่คุณทำเมื่อเปิดคอมพิวเตอร์


GD, Taeyang, TOP -
ต่อ
net

Seungri -
เปิดเพลง


Daesung -
ต่อเนทเข้าแฟนคาเฟ่
29.
เพลงโปรดของแต่ละคนคือ..
?

GD -
เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ชอบเพลง
SOmbody Told Me
ของ
The Killers

Taeyang - Frankie J - Don't Wanna Try

TOP - Notorious B.I.G. L Big Papa
ผมฟังตั้งแต่สมัยที่ผมยังเด็กๆ


Seungri - Wheesung -
อัน ดเว นา โย
Ahn Dweh Nah Yo

Daesung - Mario : How Could You


30.
สมาชิกในวงคนไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด
?


ทั้ง
4
คนเลือกแดซอง แต่แดวองเลือกแทยังเพราะว่าเต้นเก่ง



ของ G-Dragon:

31.
สมาชิกคนไหนที่ไม่เชื่อฟังคุณมากที่สุด
?


มักเน่เลย เค้าชอบดื้อแล้วก็ยึดความคิดของตัวเองเสมอ มันยากที่จะไปควบคุมเค้านะ ไม่เหมือนแดซองเลยเชือ่ฟังง่าย


32.
มีแฟนๆหลายคนที่ตั้งชื่อให้คุณว่า " กระดาษทราย จียง " เหมือนกับว่าคุณดูเอาเรื่องแล้วก็เย็นชา คุณว่าตัวคุณเองชอบชื่อนี้หรือป่าว
?


เวลา ที่ผมเห็นตัวเองผมก็ว่าตัวเองดูเป็นคนที่เย็นชานะ แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วข้างในผมไม่ใช่คนแบบนั้น คนที่รู้จักผมเค้าจะรู้ดีว่าผมเป้นยังไง


33.
เห็นคุณชอบใส่หมวกตลอด มันมีความหมายกับคุณยังไง
?


ผมแค่ชอบใส่น่ะ ผมเป็นคนที่จัดทรงผมให้ตัวเองไม่เก่ง ก็เลยชอบสวมหมวกบ่อยๆ ไม่ได้มีความหมายมีอะไรเป็นพิเศษ


34.
คุณมีฉายามากมายเพราะว่าการแต่งตัวของคุณ แล้วอะไรที่ทำให้คุณอยากแต่งตัวแบบนั้น
?


ผม ยืนยันไม่ได้ว่าใครต้องการอะไรบ้าง ถึงแม้มันจะดูตลกในสายตาคนอื่น แต่ผมพยายามที่จะมีบุคลิกเป็นของตัวเอง ผมพยายามเปลี่ยน
Style
ใมห่ๆไปเรื่อยๆ และผมคิดว่าคนแต่ละคนก็ชื่นชอบ แล้วก้มีคนชมผมหลายคนด้วย



แทยัง :

35.
อะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากร้อง
rap
เป็นร้องธรรมดาได้
?


ผม รักการร้องเพลงนะ แล้วผมก็รู้สึกว่ามันคือสิ่งแปลกใหม่เมื่อผมได้ร้องแบบธรรมดา ผมต้องทำงานหนักมากเลยเพราะผมคิดว่าในอนาคตมันจะให้ให้ผมร้องเพลงได้ดียิ่ง ขึ้น


36.
ได้ยินมาว่าคุณประหม่าเวลาเจอสาวๆ ตอนนี้คุณยังรู้สึกแบบนั้นอยู่หรือป่าว
?


ครับ
,
ผมยังรู้สึกประหม่าอยู่เวลาเจอสาวๆ แล้วก็กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย จริงๆแล้วผมไม่เคยออกไปเดทกับสาวคนไหนเลยเพราะผมขี้ อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนที่ชอบอยู่แต่กับตัวเอง แต่ว่าตอนนี้มันก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วนะ แต่ให้คุยกับสาวๆตรงหน้า นี่ก็งคงเป้นปัญญาของผมอยู่เหมือนเดิม


37.
อะไรคือเหตุผมที่ทำให้คุณชอบถักเปียทั้งหัว
?


ไม่ มีเหตุผลครับ ผมคิดว่ามันดูเหมาะกับผมน่ะ แล้วผมก็ชอบมันด้วย ผมเป้นคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรกับผมตัวเอง นานๆผมจะเปลี่ยนทรงผมครั้งนึง แต่ถ้าเกิดผมมันหนาน้อยน้อยกว่านี้ก็คงไม่ถักเปียไปตลอดหรอก


38.
คุณอยู่กับ จียงมาถึง
7
ปีแล้ว เคยทะเลาะกันบ้างมั๊ย แล้วใครเป็นคนขอโทษใครก่อน
?


เรา เคยทะเลาะกันนะ ตอนนั้นอยู่ ม.
2
พวกเราเล่นบาสด้วยกัน ผมอยู่ทีมพี่ๆ
dancer
แล้วเราทั้งคู่ก็ต้องแข่งกัน จริงๆแล้วผมใกล้จะชนะแต่ก็ต้องแพ้ตอนนาทีสุดท้าย ผมเลยอยากจะขอแข่งอีกรอบแต่ว่าจียงไม่ยอม ผมก็เลยกระชากคอเสื้อเค้าเพราะว่าหัวเสียสุดๆ




T.O.P:

39.
ทำไมถึงชอบกินขนมยังเก็ง
?


ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่กลิ่นมันหอมแล้วก็น่ากินมากๆ แต่ผมจำไม่ได้นะว่าเริ่มชอบตั้งแต่เมือ่ไหร



40.
ในเมื่อคุณเป็นพี่ใหญ่ที่สุดของ
Big Bang
คุณเคยมีความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบอะไรมั่งมั๊ย
?


มีตลอดแหละครับ ความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งสิ่งนึง ผมไม่อยากเป็นพี่ชายที่ทำให้น้องๆขายหน้า


41.
บอกหน่อยว่าลดความอ้วนยังไง
?


ผมไม่มีวิธีลดน้ำหนักนะ แต่ว่าแค่ระวังเรื่องของพลังงานที่ผมกินไปแล้งก็อาจจะเป็นเพราะความสูงด้วยแหละเลยทำ
ให้ผมดูผอมลง
GD - TOP
เป็นคนที่คำนวนพลังงานในอาหารเร็วมาก
TY -
เค้ากินทุกอย่างที่อยากกินแต่ก็ ไม่ได้อ้วนขึ้นเลยนะ !
42.
ทำไมชอบปกปิดใบหน้าตัวเองตลอดเวลาทั้งๆที่คุณดูดีขนาดนี้
?


ผม เป็นคนชอบปิดหน้าปิดตาตัวเองอยู่บ่อย ผมไม่ค่อยชอบเปิดเผยหน้าตาตัวเองสู่สาธารณะชนเท่าไหรนัก เพราะว่าบางทีคนอื่นๆชอบคิดว่าผมดูน่ากลัว ผมเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจเกี่ยวกับหน้าตาของตัวเองเท่าไหร
แดซอง

43.
ทำไมถึงชอบโดราเอม่อนมากขนาดนั้น
?


ผม เคยอ่านการตูนเรื่องนี้ตอนประถม คุณคิดสิว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าเอาของออกมาจากกระเป่าแบบนั้นได้ ผมอยากมีมั่งนะ แล้วก็โดราเอม่อนก็น่ารักดีด้วย
44.
อยากรู้เรื่องรักแรกของคุณจัก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ
?


รัก แรกของผมเป็นรักข้างเดียวน่ะ ผมชอบเค้าตั้งแต่ป.
2
จนถึงป.
3
จนเข้าเรียนม.ต้นผมก็ยังชอบเค้าอยู่
5
ปีเลยทีเดียวที่ผมหลงรักเค้าอยู่ข้างเดียว แต่ก็ไม่เคยเข้าไปคุยกับเค้าเลยสักครั้ง ผมได้แต่แอบมองเค้าอยู่ห่างๆแล้วผมก็ต้องตัดใจหลังจากที่ได้ยินมาว่าเค้ามี แฟนแล้ว จะว่าไปผมชอบผู้หยิงยิ้มเก่งนะเพระเวลายิ้มแล้วจะดูน่ารักมาก แต่ว่า
date
ครั้งแรกของผมก็ตอนม.
3
น่ะครับ
45.
อะไรที่ทำให้ครอบครัวของคุณยินยอมให้คุณทำงานเพลง
?


ผม ก็แค่ขอร้องพวกเค้าให้เชื่อในตัวผม ผมบอกพวกเค้าว่าตัวผมเองรู้ว่าตัวเองสามารถทำได้ดี และพูดย้ำกับพวกเค้าให้เชื่อใจผม พวกเค้าก็ยังไม่ใส่ใจจนกระทั่งผมได้
debut
หลังจากนั้นแล้วผมก็ได้กลายเป้นที่ยอมรับครับ
46.
เมื่อไหรทำให้คุณยิ้มไม่ออก
?


เวลาลงมาจากเวที แล้วก็ตอนที่ผมอยู่บนเวทีแล้วทำอะไรพลาดไปผมจะรู้สึกเจื่อนแล้วก็ต้องรับยผิดชอบในสิ
่งที่ตัวเองทำ ช่วงเวลานั้นเอามันทำให้ผมยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ คืออยากจะหนีไปไกลๆเพราะคิดอะไรไม่ออกแล้ว
ซึงรี

47.
คุณขอบตาคล้ำขนาดนี้ คุณเคยรู้สึกแย่กับมันมั่งมั๊ย
?


ถ้ามีคนถามอ่ะผมจะรู้สึกแย่นะ จริๆงแล้วผมไม่รู้สึกอะไรกะมันหรอ แต่ว่าชอบมีคนมาถามผมบ่อยนี่สิ ทำไมขอบตาคล้ำล่ะนอนไม่หลับอกหักเหรอ


48.
พวกพี่ๆในวงชอบก่อกวนคุณมั่งหรือป่าว
?
แล้วใครเป็นตัวก่อกวนมากที่สุด
?

G-Dragon
แต่พี่เค้าทำไปก็เพราะรักน่ะครับผมรู้ ผมไม่คิดว่าเค้าจะน่ารำคาญตรงไหน สิ่งที่เค้าทำให้ผมรำคาญน่ะเหรอ ชอบกอดผมไง !!


49.
มีมั่งมั๊ยที่คุณอยากจะร้องไห้ออกมาแม้ช่วงเวลานั้นคุณจะมีความสุขอยู่ก็ตาม
?


เวลาที่ผมไปไม่ถึงเส้นชัยของตัวเอง ตอนแรกผมแบอร้องไห้คนเดียวด้วยนะตอนที่ถูกคัดออกจาก
Big Bang
อ่ะ



50.
ไหนบอกมาข้อเสียงของการเป็นน้องเล็กที่สุดในวงมา
5
ข้อซิ ...


1.
มีที่แขวนเสื้อผ้าน้อย


2.
เวลานั่งรถผมจะต้องนั่งเบาะหลังทุกครั้ง


3.
เวลาไปออกรายการผมจะได้เสื้อผ้าที่พี่ๆเค้าไม่ใส่กัน


4.
ต้องเลือกเสื้อผ้าที่หลังตลอดหลังจากที่พี่ๆของผมเลือกไปแล้ว


5.
ผมจะต้องจัดตารางงาน เฮ้ยแต่พวกเราก็มีผู้จัดการหนิ เอาเหอะแต่เวลาอยู่บ้านผมก็เป็นคนจัดการเรื่องตารางงานอยู่ดี

26 มีนาคม 2553

[TRANS] สัมภาษณ์ท็อปจากหนังเรื่อง Into the Gunfire

สัมภาษณ์ท็อปจากหนังเรื่อง Into the Gunfire






"ในระหว่างเริ่มต้นของการถ่ายทำนั้น ผมได้ประสบกับปัญหาการนอนไม่หลับ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ผมก็ยังคงรู้สึกถึงความกดดัน บางที่อาจจะเป็นเพราะ บทของผมนั้นเป็นบทที่สำคัญมากครับ"

ท็อป (ชื่อจริงคือ เชว ซึง ฮยอน) Into the Gunfire เป็นหนังเรื่องแรกของเขา ที่เขาได้รับบทเป็นหนึ่งในการเป็นผู้นำ
(ผู้กำกับคือ ลี แจ ฮาน) และนั้นทำให้เขาเป็นกังวลมาตั้งแต่เริ่มถ่ายในเดือน ธันวา ของปี่ที่แล้ว

ท็อป นั้นได้ถูกจดจำในบท คนร้าย ใละครเรื่อง Iris และบทใหม่ได้ใกล้เคียงกับบทผู้นำในเรื่อง Into the Gunfire ไม่นานนัก หลังจบบทที่เขาเคยได้รับ โดยฉากในเรื่องนี้ได้ถูกจำลองเหตุการณ์ ในระหว่างสงครามเกาหลี และ ที่จุดสำคัญนั้นก็คือ ที่ที่อยู่ของนักเรียนทหาร ท็อป ได้รับบทเป็นทหารหนุ่มที่คุม กองทหารทั้งหมด 71 นาย และ ได้เป็นตัวลครที่นำเรื่องราวอีกด้วย

มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ที่จะพยายามปรับตัวให้เข้ากลับนักแสดงมืออาชีพรุ่นพี่ อย่าง ชา วึง วอน ผู้ที่เคยรับบทบาทในเรื่อง North Korean soldier, คิม ซึง วู เป็น national soldier และ ควาง ชาง วู ที่เป็นนักเรียนทหารอีกคน และท่านอื่นๆอีกมากมาย แต่ท็อปได้บอกอีกว่า เรื่องที่เขานั้นเป็นกังวลที่สุดก็คือ การที่จะพยายามสวมบทบาท ให้เป็นทารที่ต้องไปเป็นส่วนหนึ่งในสงครามให้ได้อารมณ์ และความรู้สึก ว่าเค้าคือทารที่อยู่ ณ สถาณการณ์ นั้น จริงๆ

ในระหว่างที่ถ่ายทำ ฉากที่อยู่ Hapcheon, Kyeongsang Namdo ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาที่สาหัสสำหรับท็อปมาก เพราะว่าต้องถ่ายฉากการต่อสู้อยูติดต่อกันหลายวัน ทำให้เล็บนิ้วมือของท็อปนั้นทั้งดำและสกปรก แต่เขาก็กล่าวว่า "สิ่งที่สำคัญกว่าร่างกายที่ได้รับนั้น ก็คือ ผมได้กังวลเกี่ยวกับการแสดงให้ถึงบทบาทให้ได้มากที่สุด และ การแสดงอารมรณ์ในขณะที่อยู่ในสงคราม โดยที่ผมนั้น ไม่มีประสบการณ์ในสนามรบมาก่อนเลย" "ในระหว่างการถ่ายทำช่วงแรกๆ ความกดดันที่ผมมีนั้น มันมากมาย จนทำให้ผมต้องนอนไม่ค่อยหลับนัก"

ตอนนี้ได้มาถึงฉากถ่ายทำช่วงสุดท้ายแล้ว ท็อปกล่าวว่า "ในที่สุดผมก็ได้รับความรู้สึกของบทบาทนี้อย่างแท้จริง" แต่ท็อปนั้น ก็ยังสงสัยตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่ว่า ที่ทำไปนั้นมันใช้หรือป่าว..เขากล่าวพร้อมกับหัวเหราะ ว่า "บทนั้นเป็นบทที่สำคัญมากที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับเล่นมาก่อน ดังนั้น ผมเลยค่อนข้างที่จะกลัวว่าตนเองนั้น ได้เล่นถูกหรือเล่นผิด ไปกันแน่"

แต่นักแสดงรุ่นพี่ อย่าง ชา ซึง วอน และ คิม ซึง วู ได้เคยกล่าวไว้ว่า เราได้พิจรณา ลักษณะของท็อป และ วิธีการคิดที่หนักของท็อปก่อนที่จะแสดงออกมาจากความคิดของเขา ท็อปนั้นจะต้องเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมากๆ ในตอนที่เขาอายุ 30 หรือไม่ก็ 40 แน่ๆ

ท็อป ผู้ที่ถูกเลื่อนอัลบัมของเขาจากครึ่งปีแรก เพื่อ งานการแสดงของเขา เขากล่าว "ผมคิดว่านี้เป็นโอกาสที่ดีสุดสำหรับผม ที่จะได้เป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดง ที่อยู่ในใจของประชาชนครับ [...] แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ผมจะไม่มีวันที่จะหยุดคิดในเรืองของบทเพลงครับ"



















Source: EDaily
Eng-Translated by: sjay.x @ BBVIP
Thai-Translated by Fitty@ChoitopTH

25 มีนาคม 2553

Eversense ย้ำ!! 2 เมษายนนี้ พบกับ 5 หนุ่มสุดฮอต BIGBANG ที่ไทยแน่นอน!!






ไม่ปล่อยให้ V.I.P ไทยต้องรอกันอีกต่อไป เมื่อ Eversense คว้าตัว 5 หนุ่มสุดฮอตจากแดนกิมจิอย่าง BIGBANG มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าในไทยเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดโอกาสให้สาวไทยได้เป็นพรีเซ็นเตอร์และร่วมแสดงภาพยนตร์โฆษณากับ BIGBANG
ใครที่กำลังคิดถึงหนุ่มๆ BIGBANG กันอยู่ล่ะก็....เตรียมเคลียร์คิวให้ว่าง แล้วมาพบกับความฮอตของ BIGBANG ได้ในวันที่ 2 เมษายนนี้ ณ พาร์คพารากอน ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามการอัพเดทได้จาก http://www.eversense-bigbanggirl.com/
ส่วนการ “นัดเดท” สาวๆเจ้าของป๊อบปูล่าคลิป 100 อันดับในวันที่ 27 มีนาคมนั้นเป็นกำหนดการที่เพิ่มเติมขึ้นเพื่อทำความรู้จักกับสาวมั่นของ Eversense เท่านั้น โดยจะดูอันดับคลิป 1 – 100 กันในวันที่ 25 มีนาคม เวลา 22.00 น. แต่กติกาในการเฟ้นหาสาวมั่นยังคงเหมือนเดิมคือ คลิป 2 ใน 10 อันดับแรกจะถูกคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ น้องๆ 8 คนที่เหลือและอีก 32 คนที่มีคะแนนคลิปรองลงมา รวมเป็น 40 คนจะได้ร่วมแสดงหนังโฆษณากับหนุ่มๆ ส่วนการปิดโหวตและประกาศรายชื่อสาวๆที่จะได้ร่วมแสดงโฆษณากับ BIGBANG รวมถึงผู้โหวตสูงสุด 40 อันดับที่จะได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวแบบ V.I.P ก็ยังคงเป็นวันที่ 31 มีนาคม ใครที่ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ต้องรีบกันหน่อยแล้ว!!

G-Dragon in ELLE Magazine



เป็นบทสัมภาษณ์หนึ่งของจียง สมัยอัลบั้ม Stand up 2008








ลีดเดอร์แห่งวง “บิ๊กแบง” G- dragon ชื่อจริงคือ ควอน จียง มาในลุคส์ ขอบตาดำสวมกางเกงยีนส์ขาเดบสีแดง.และ มันก็ยิ่งทำให้เค้าดูดีขึ้นเมื่อเค้าสวมไหมพรมรอบคอของเค้า .
เค้ามี รอยสักด้านหลังคือ “too fast to live too young to die” และที่แขนทั้งสองข้าง “ vita dolce” และ “moderato” แทนที่จะเลือกคำว่า “andante”(จังหวะที่ค่อนข้างช้าและเรียบ) หรือ “ allegro” (จังหวะที่สั่นและเร็ว) เค้ากลับเลือกคำว่า “moderato” (จังหวะที่เร็วพอประมาณ) เพราะเค้าอยากให้ชีวิตเค้าเป็นเหมือนกับ“moderato”(ไม่เร่งรีบและไม่ช้าเกิน ไปแต่ เป็นไปอย่าง สม่ำเสมอ พอประมาณ).
เค้าทำตัวสบายเมื่อมองเข้ามา ในกล้องราวกับว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเค้า.เมื่อฉันเห็นเด็ก ในวัย 21 ปี เป็นแบบนั้นทำให้ฉันนึกถึง รอยสักบนตัวเค้าและพยายามที่จะเข้าใจมัน “moderato”เป็นไปได้ว่าเค้า ได้ค้นพบสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว
G-dragon ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ภายใต้สังกัด YG entertainment สมัยที่เค้าอยู่ประถม ผู้คนเรียกเค้าว่าเป็น แร็ปเปอร์ ที่อายุน้อยที่สุดในเกาหลี ตามปกติแล้วเค้า จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกของผู้ใหญ่ดังนั้น ชีวิตวัยเด็กของเค้าจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว.
ประวัติของ ควอน จียงที่มีอยู่มากมายใน อินเตอร์เนท เป็นผลมาจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และ กลุ่มแฟนคลับที่คลั่งไคล้ที่ต่าง โพสข้อมูลเกี่ยวกับ G-dragon หลังจาก เดบิวต์ รูปของเค้าก็มีอยู่ทั่วไปตามอินเตอร์เนท รวมทั้ง คลิปที่เค้าได้ไปออกตาม รายการ ทีวี ต่างๆด้วย
GD “ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็ก ผมคิดว่าทำไมแม่ผมถึงอยากให้ผมมาอยู่ที่นี่ (วงการบันเทิง) แต่เมื่อมาคิดตอนนี้ ผมคิดว่า ที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะแม่ของผม แต่มันก็เป็นเรื่องยากจริงๆ สำหรับผม (ที่ต้องทำงานตั้งแต่ยังเด็ก)”
นิสัยและท่าทางของเค้าถอดแบบมาจากแม่และพี่สาวที่น่ารัก ทำให้เมื่อโตขึ้นใครต่อใครต่างพากันหลงเสน่ห์เค้ามากมายท่ามกลางสปอตไลท์ เค้ารู้ว่าต้องทำยังไงเพื่อให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงตัวตนที่เค้าเป็น.
GD “ผมมีภาพลักษณ์ ของคน ขี้เล่น (ในที่นี้หมายถึง ชอบเล่น มากกว่าทำงาน)”
GD “ผมมีภาพลักษณ์ ‘nal la lee’”(rebel(ดื้อรั้น),gangsta(พาล),player(ขี้เล่น)) ผมรู้สึกแย่นิดหน่อย ตอนที่ผมเรียนจบ มันก็ถึงเวลาที่ผมจะเล่น และผมจะเล่นให้สุดๆ ยิ่งกว่านั้น ชีวิตรักของผม มันก็ยากที่จะเข้าใจผมเป็นคนที่ชอบอยู่กับแฟนนานๆ และถ้าผมมีแฟน ในหัวผมก็จะคิดถึงแต่แฟน และเข้าข้างแฟน นั้นมันทำให้ผมไม่มีทาง โกรธเธอได้เลย (แม้เธอจะทำอะไรผิดงั้นเหรอ) ถ้าผมจะมีแฟนก็ต้องเป็นใครสักคนที่เหมือนผม และเข้าใจในตัวผม บางครั้งเธออาจจะคิดว่าผมไม่ชอบเธอ เพราะผมพูดไม่ค่อยเก่ง”
ตอนนี้ฉันคิดว่าเค้าก็มีด้านที่บริสุทธิ์เหมือนกัน นี่เป็นอีกด้านของเค้าที่ แตกต่างจากที่ผู้คนพูดถึงกัน ทั้งซุกซน และตรงไปตรงมา
GD “ผมไม่ค่อยจะเป็นสุภาพบุรุษ ถึงผมจะเด็ก แต่ผมก็จะแสดงให้เห็นตัวตนของผมกับทุกคน ผมเป็น perfectionist เพราะผมชอบให้ทุกอย่างมันเป็นระเบียบ ผมเกลียด เวลาที่มีอะไรบางอย่างผิดพลาด และไม่เป็นระเบียบ. อย่างเช่น ถ้าผมใช้ของเสร็จแล้ว ผมก็จะวางมันกลับไว้ที่เดิม และถ้าผมใช้เสร็จผมก็จะทำความสะอาดทุกครั้ง. ก็เหมือนกับความสัมพันธ์กับคนอื่น ถ้าผมไม่พอใจอะไรหรือกับใคร ผมก็จะรีบพูดทันที ผมไม่ชอบเก็บมันไว้”
ฉันรู้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่พยายามที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ยอมทำความเข้าใจอย่างนี้
GD “แล้วยังไง ถ้าเค้าไม่ยอมจบมัน ผมก็คงจะเป็นคนเดียวที่คิดอย่างนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เป็นเพราะแม่เค้า พาเค้าเข้าสู่วงการตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เค้ามีพลังที่จะอดทนต่อความกดดันต่างๆในโลกธุรกิจดนตรี. เค้าเขียนเพลง แต่งเพลง และโปรดิวซ์ เค้าคือผู้อยู่เบื้องหลังเพลงของ BIGBANG
แต่เมื่อปีที่แล้ว เค้าต้องโดนคำครหาจากผู้คน เมื่อพวกเค้าสงสัยในความแปลกใหม่ของเพลง LIE.นั่นสิ ทำไมพวกเค้าจะต้องแปลกใจในเมื่อ BIGBANG ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ อย่าง Daishi Dance ในอัลบั้มใหม่ของพวกเค้า .ใน เกาหลี Shibuya kei Band และ Dashi Dance เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก Bigbang เลยถูกกล่าวหาว่าลอกผลงานจากพวกเค้ามา GD นิ่งสักพัก ก่อนที่เค้าจะผงกหัว เป็นเชิงว่าจะพูด
GD “พูดตรงๆ คือ ผมได้แรงบันดาลใจ จากดนตรีของพวกเค้า ตั้งแต่ที่ผมเริ่มแต่งเพลง ผมรู้สึกเสียใจต่อสมาชิกคนอื่นๆ และรู้สึกผิดหวังในตัวเอง ผมเป็นคนตรง มีความรับผิดชอบ และสำนึกในสิ่งที่ตัวเองได้ทำ หลังจากเกิดเหตุการณ์ ในครั้งนั้น ทำให้ผมคิดมาก ประธานของวายจี Yang Hyung Suk เลยจับให้ผมได้ทำงาน กับ Daishi Dance”
ฉันคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกเค้าโตขึ้น (ทั้งในด้านของศิลปิน และด้านของคนทั่วไป) เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆนั้น. รูปแบบการทำงานเพลงอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งแรกที่จะเปลี่ยน ในการทำงานเพลงอัลบั้มใหม่ของพวกเค้า(จียงบอกว่าเค้าทำงานเพลง เสร็จภายใน 1 ถึง 2 ชั่วโมง ถ้าเค้ามั่นใจว่ามันถูกต้อง) หลังจากการทำงานนานหลายชั่วโมง ในงานเพลง เค้าจะเช็คมันอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่า เค้าไม่พลาดรายละเอียดอะไรไป นี่คงเป็นผลมาจากการเรียนรู้ความผิดพลาดในครั้งนั้นของเค้า GD บอกว่านั้นมันทำให้เค้ากลายเป็นนักดนตรีที่เติบโตขึ้นมากกว่าเดิม หลังจากที่เค้าได้เรียนรู้กับเรื่องดังกล่าว และต้องต่อสู้กับตัวเอง
GD “ถ้าผมอยู่คนเดียว แต่สามารถทำให้คนฟังเพลงเพิ่มขึ้นได้ แม้จะเป็นเพียงน้อยนิด ผมก็พอใจ. โดยส่วนตัวผมคิดแบบนั้น เมื่อคนได้ยินเพลง จะต้องอยากฟังมันอีก โดยธรรมชาติแล้ว คนฟังเพลงจะช่างเลือก ประมาณว่า เพลงที่ฟังเป็นเพลงอะไร แตกต่างกันรึปล่าว คุณภาพแย่ไหม .นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักดนตรีจะต้องเป็นมากกว่านักร้องที่ดี และทำให้ผู้คนเลือกซื้ออัลบั้มของตนได้.เพราะฉะนั้นการทำงานเพลงให้ออกมามีคุณภาพดี จึงสำคัญมากสำหรับผม”
เมื่อฉันได้ยิน GD อธิบายหลักการทางดนตรีของเค้าแล้ว ฉันได้เปลี่ยน ทัศนคติที่มองเค้าใหม่ ควอน จียง ในวัย 21 พูดได้ดี ดูมีแสงส่องประกายมาจากท่าทางนั้น และเหตุผลที่ว่า ทำไม ควอนจียง และ บิ๊กแบง ถึงเป็นที่น่าสนใจก็คือ พวกเค้าได้พัฒนา งานเพลงพวกเค้าอย่างต่อเนื่อง ฉันขอทายว่า อนาคตพวกเค้าจะต้องประสบความสำเร็จ อย่างแน่นอน ถ้าพวกเค้ายังยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างนี้
Park Soyoung-Elle feature editorcredit: english ver : wonderkidtrans to thai : calalat@bigbangthailand

24 มีนาคม 2553

[YB] Part 2 : Hate when they try to put me in a box

"ผมเกลียดมากเวลาที่พวกเขาพยายามจะให้ผมไปอยู่ในกล่องๆนึง
แล้วก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับว่ามันเป็นตัวตนของผม"













ตลอดปีที่ผ่านมา คุณคิดว่าคุณโตขึ้นยังไงบ้าง?

"ผมรู้สึกเหมือนกับได้ไปช่วงวัยรุ่นอีกครั้งมากกว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียดและวิตกจริต"

แล้วคุณบรรเทาความความเครียดนั้นด้วยวิธีไหน?

"เดี๋ยวมันก็หายไปเองครับ การคิดเกี่ยวกับดนตรีดีๆและความจริงที่ว่าผมได้รับผลลัพธ์อย่างที่ผมต้องการแล้ว มันก็ทำให้ความรู้สึกแย่ๆตรงนั้นหายไปได้นะ บางครั้งผมก็ใช้ดนตรีเอาชนะความคิดเชิงลบตรงนี้น่ะครับ"

และ Where U At กับ Wedding Dress ก็ดีพอที่จะแสดงถึงการทำงานหนักและความพยายามของคุณได้เยี่ยมทีเดียวนะ ยังไงก็ตาม มันยังทำให้เราแปลกใจอีกว่าสรุปแล้วคุณเน้นไปที่ด้านของภาพลักษณ์มากกว่าตอน 'Look at only me' รึเปล่า มุมนึงอาจจะมองได้ว่า มันเป็นการทำให้ความสำเร็จนั้นสมบูรณ์มากขึ้น แต่ในทางกลับกันมันรู้สึกเหมือนยังขาดๆอะไรไปสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมากลับดูเหมือนคุณโฟกัสไปที่ดนตรีแทนซะอย่างนั้น

"ผมคิดว่าผมรู้นะว่าคุณกำลังพูดอะไร ผมอยากให้ใครสักคนมามาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน"

หลังจากนั้นการโปรโมตเป็นยังไงบ้าง หมายถึง เรื่องที่คุณไม่เคยมีแฟนสาว เราเห็นมันจากสื่อต่างๆ ว่า 'เพลงนี้นำมาจากชีวิตจริงของแทยังที่เขายังไม่เคยมีแฟนเลย' มันดูเหมือนเด็กชะมัดเลยนะ คุณไม่เห็นด้วยใช่มั้ย?

"ผมรู้สึกแบบนั้นแหละครับ"

ไม่ว่าจะเรื่องเดทกับสาวหรือร้องเพลง คุณควรจะให้เรื่องแบบนั้นออกมาอย่างธรรมชาติสิ แต่ผู้ชายอ่อนหัดอย่างในเอ็มวีของคุณทำไม่ได้หรอก

"ที่คุณพูดก็ถูก ผมหวังแค่ว่าจะได้เจอผู้หญิงสักคนที่ผมชอบ และรู้สึกตกหลุมหลักเธอสักที"

หมายถึงว่าคุณจะใช้ทั้งชีวิตในการตามหาผู้หญิงที่ว่านั่นแค่คนเดียวเลยเหรอ?

"ใช่ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ ผมไม่มีความสุขเลยกับการใช้เรื่องแบบนั้นมาช่วยโปรโมต มันทำให้ภาพลักษณ์ของ 'เด็กผู้ชายที่ไม่เคยมีความรัก' ติดตัวผมไปตลอดเวลา ผมเกลียดมากเวลาที่พวกเขาพยายามจะให้ผมไปอยู่ในกล่องๆนึงแล้วก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับว่ามันเป็นตัวตนของผม"

เราคิดว่านี่เป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับคุณเลยนะ มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลย คุณต้องลองดูสักครั้ง ลองเจ็บปวดดูจริงๆสักครั้ง นั่นเป็นสิ่งจำเป็นมาก

"ผมมั่นใจในอัลบั้มของผมนะครับ ผมใช้เวลาในการทำมันนานมาก แล้วก็ทุ่มเททั้งหัวใจแล้วก็จิตวิญญาณลงไปในนั้นด้วย ผมไม่ห่วงเรื่องเพลงเลย แต่กลับไม่มั่นใจในด้านอื่นมากกว่า ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือ กำหนดการปล่อยเพลงที่เหลือยังไม่แน่นอนเลยครับ"

เรารู้ว่าคุณกังวลหลายเรื่อง แต่คุณอาจต้องมองจากมุมที่ต่างออกไปบ้าง หมายถึง มีคนมากมายพยายามจนสายตัวแทบขาดแต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะเปล่งประกายสักที เทียบกันแล้วคุณนี่โชคดีมากเลยนะ!

"คุณพูดถูก ผมควรจะจำคำนี้เอาไว้"

พูดถึงสไตล์ของเพลงที่คุณทำ คุณคิดว่าวงการเพลงในเกาหลีปัจจุบันเป็นยังไง? เราไม่ได้เห็นคุณบ่อยๆในรายการ Music Show แต่แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินมาว่าคุณจะไปออกรายการ Strong Heart มันทำให้เรานึกถึงเนื้อเพลงของคุณโจยองพิลทันทีเลย "ทำไมต้องทำให้ฉันถอนหายใจ..."

"มันยากในหลายๆเรื่องครับ ไม่ว่าจะการแสดงบนเวทีหรือมิวสิคโปรแกรม มันไม่มีกำหนดการชัดเจน คุณทำอะไรไม่ได้มากหรอกถ้าคุณเลือกที่จะทำดนตรีอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะผมจะไปแสดงแค่สัปดาห์ละครั้งเหมือนกับพิธีทางศาสนาประจำสัปดาห์น่ะครับ"

เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญนะเนี่ย และนักดนตรีก็ไม่สามารถไปได้ไกลได้โดยแค่การทำเพลงหรือการแสดงบนเวทีที่ดี คุณเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิส มันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นใช่มั้ย?

"ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองได้ถูกกระตุ้นและมีโอกาสดีๆกว่าคนอื่นจากการที่ผมได้อยู่ในที่ที่มีนักดนตรีดีๆมากมายอยู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ศิลปินเล็กๆ เวลานึกถึงเรื่องของ Michael Jackson เขาทำให้ผมพูดไม่ออกเลย พอมาคิดดูแล้ว มันเป็นเหตุผลว่าทำไมผมรู้สึกเศร้ามาก แต่หัวใจก็ยังฟูฟ่องไปด้วยความสุขในเวลาเดียวกันในรอบปีที่ผ่านมา การคิดถึงผู้ชายคนนึงที่มีเคยชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันกับผม และผมก็เคยมีชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันกับเขา แม้ว่าผมจะรู้ว่าผมไม่มีทางจะได้พบเขาอีกแล้ว ผมก็ยังรู้สึกมีความสุข เพราะว่าผมยังฟังเพลงของเขาได้ และยังดูการแสดงของเขาได้"

เยี่ยมไปเลย เราเข้าใจคุณนะ เพราะเรารู้ว่าคุณจะไม่มีทางใช้ความเคารพที่คุณมีให้เค้าในการทำให้คนสนใจ หรือเต้นเลียนแบบ Michael Jackson

"ใช่ครับ มันไม่ถูกต้องเลยกับการทำแบบนั้น"





(c) GQ Korea
Translated by pgeorgie@AlwaysTaeYang
Translated to Thai by pphelpz.exteen.com / @pphelpz
Please credit Alway Taeyang when taking elsewhere!!!

(YB) Part 1 : I wanted to do things right

"แน่นอนว่าผมต้องการจะทำให้มันดีแล้วก็เป็นที่ประทับใจ"








....ราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านเทือกเขา...



TaeYang รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจ 'ไม่ต้องรีบเร่งแต่ก็อย่าลังเลที่จะทำมัน' การแสดงอย่างโดดเดี่ยวของเขานั้นได้พูดแบบนั้นกับเรา นี่เป็นการสัมภาษณ์ของ A GQ กับ 'แทยัง' ไอดอลที่มีทั้งความจริงใจและสัญชาตญาณในตัว

'Teayang' สำหรับเรา เป็นไอดอลที่ไม่ธรรมดาเลย เขาน่าประทับใจมาก และพร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับอัลบั้ม 'Real' สิ่งที่จำกัดความถึงตัวเขาเอง ตอนที่แทยังถามเราว่า 'ผมแค่เป็นตัวของตัวเองใช่มั้ยครับ?' เรารับรู้ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกจากใจของเขาจริงๆ ไอดอลที่ไหนเค้าจะมาถามคำถามนี้กัน?

เครื่องดื่มสักหน่อยมั้ย? เบียร์เป็นไง?

"ผมไม่ดื่มจริงๆครับ"

ชอบหน้าหนาวรึเปล่า? อย่างอากาศอย่างวันนี้

"ชอบครับ เพราะผมจะได้ใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น แล้วเพลงโปรดของผมเกือบทั้งหมดก็จะเหมาะกับหน้านี้นะ ผมชอบความรู้สึกที่อบอุ่นน่ะครับ สงบเงียบ เช่นเพลงจังหวะกลางๆแบบนี้ ช่วงนี้ผมฟังเพลง Slow Motion ของ Karina บ่อยมาก แล้วก็เพลงเก่าๆของ Michael Jackson"

จำได้มั้ย หลังจากที่เราเคยสัมภาษณ์คุณไปในฐานะ 'Men of the Year' ไปเมื่อปีที่แล้ว คุณสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้งถ้าคุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ?

"(หัวเราะ) จริงๆ ผมอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆนะครับในปี 2009 แต่รู้สึกว่าผมจะไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ"

ไม่มีเวลางั้นเหรอ คุณยุ่งอยู่กับอะไรล่ะ?

"ตอบตามตรงก็คือผมใช้เวลาไป 6 เดือนเต็มอยู่ในสตูดิโอกับพี่เท็ดดี้ครับ แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำเพลงของผมก็ตาม แต่ผมก็อยากจะเห็นพี่เท็ดดี้ตอนแต่งเนื้อเพลงหรือโปรดิ๊วซ์เพลงแล้วเรียนรู้หลายๆอย่างจากเขาน่ะครับ พวกเราแค่ใช้เวลาไปกับการฟังเพลงมากมายด้วยกัน แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้ผมอยากจะทำอัลบั้มเต็มดีๆสักอัลบั้มนึงขึ้นมา เราแท็กมือกันหลังจากที่ได้ร่วมมือกันทำอะไรเจ๋งๆขึ้นมาสักอย่าง ยังไงดี มันเป็นความสุขเล็กๆ ตอนที่พวกเราสร้างเพลงดีๆขึ้นมาแล้วฟังมันด้วยกัน"

แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องแตกต่างจากตอนทำ 'Look at only me' นี่เป็นการพูดถึงอัลบั้มเต็มครั้งแรกของคุณ เราเชื่อว่าคุณต้องได้รับแรงกดดันมากแน่ๆ ผู้คนคาดหวังในตัวคุณมากเลยนะ

"อันที่จริงแรงกดดันเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกกดดันไม่มากแล้วครับ แต่ช่วงที่ซิงเกิ้ลออกมันวิตกจริตมากจริงๆ อันที่จริงการสัมภาษณ์ครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว แต่ผมเลื่อนมันไปก่อนเพราะช่วงนั้นมันเครียดน่ะครับ แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมคิดว่าความรู้สึกแย่ๆอาจจะทำให้ตอบคำถามไม่ค่อยดีเท่าไร"

คุณนี่เป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสขึ้นสมองเลยนี่นา เข้าขั้นบ้าเลยนะ โอเค ตอนนี้ บอกเรามาดีกว่าว่าคุณมีส่วนร่วมอะไรบ้างในอัลบั้มเต็มอัลบั้มนี้ สิ่งที่คุณทำอยู่ทำให้พวกเราสับสนนะ คุณปล่อยซิงเกิ้ลออกมา แล้วก็มาพูดว่า 'นี่ไม่ใช่เพลงโปรโมตนะครับ เป็นแค่เพลงโบนัส ผมไม่ได้คิดจะโปรโมตเพลงเหล่านี้ครับ' จากสายตาของสาธารณชนอย่างเรา ทุกคนมีอาการแบบว่า 'หือ?'

"ครับ ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไรนะ ผมพูดตรงๆว่าผมไม่ได้หวังว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้เลยครับ แผนที่เราวางเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ เราคิดกันไว้ว่าจะมีกิจกรรมโปรโมตโซโล่ไปเรื่อยๆ จนกว่าอัลบั้มเต็มจะออกมา แต่มันมีสิ่งที่ต้องทำเยอะแยะมากมายจริงๆ รวมถึงงานของบิ๊กแบงด้วย ทุกอย่างเลยต้องพักไว้"

คุณหมายถึงกิจกรรมที่ญี่ปุ่น? บางคนเรียกมันว่าเป็นงานพาร์ททาร์มด้วยซ้ำ

"ถึงยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำครับ"

คุณกำลังจะพูดว่า ไม่มีทางหรอกที่คุณจะสามารถโฟกัสเวลาและพลังทั้งหมดไปที่สิ่งที่คุณอยากจะทำ ใช่มั้ย?

"ใช่ มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไง แน่นอนว่าผมต้องการจะทำให้มันดีแล้วก็น่าประทับใจ แต่..."

แต่แทนที่ทุกคนจะสนใจและคาดหวังกับมันมากขึ้น การปล่อยซิงเกิ้ล Where U at กับ Wedding dress กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่านี่เป็นแค่การเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เฮ้ นี่พวกเราทำให้ คุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะกล่าวถึงเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้รึเปล่า?

"ไม่หรอกครับ ผมแค่รู้สึกแย่ๆกับตัวเอง"

มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะ ที่คุณจะลองหยอดความลับของอัลบั้มเต็มออกมาตอนนี้

"พูดแบบนี้ผมก็หมดทางเลือกน่ะสิ แต่รับรองได้ว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่ดีมากแน่ๆครับ อย่างที่คุณเห็นจากซิงเกิ้ลทั้งสองเพลงนั้น เพลงทั้งหมดในอัลบั้มได้พัฒนาขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับเพลงที่ผมเคยทำมา มันจะแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยครับ"

แตกต่างอย่างสิ้นเชิง?

"ผมอยากที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นน่ะครับ ไม่ได้หมายความว่าอยากเปลี่ยนสไตล์ของตัวเอง ผมหมายถึงอัลบั้มใหม่ของผมนี้จะต้องเป็นอะไรที่ดีกว่าที่ผมวางแผนหรือวาดฝันเอาไว้"

แล้วเมื่อไรมันจะออกมาให้ชาวโลกได้เห็นสักทีล่ะ

"ผมอยากจะออกมาภายในต้นปีนี้ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำมากมายในตารางงานน่ะครับ เพราะฉะนั้น..."

ทางบริษัทไม่รับรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการเลยว่างั้น

"ผมไม่รู้ (หัวเราะ) อย่าพูดแบบนั้น ทางบริษัทรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่ทางบริษัทเองก็มีความคิดมากมายเหมือนกันในใจเขาอยู่แล้วเหมือนกัน ตอนที่พวกเขาจัดการตารางงานและกิจกรรมของผม"

ทั้งเรื่องซับซ้อนแล้วก็สถานการณ์ที่น่าสับสนแบบนี้ คุณอาจจะกำลังภาวนาให้ผลลัพธ์ทั้งหมดออกมาเป็นบวก ที่สามารถทำให้คุณไปได้ไกลมากขึ้น?

"ผมก็หวังว่าแบบนั้นแหละครับ"





(c) GQ Korea
Translated by pgeorgie@AlwaysTaeYang
Translated to Thai by pphelpz.exteen.com / @pphelpz
Please credit Alway Taeyang when taking elsewhere!!!