"แน่นอนว่าผมต้องการจะทำให้มันดีแล้วก็เป็นที่ประทับใจ"
....ราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านเทือกเขา...
TaeYang รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจ 'ไม่ต้องรีบเร่งแต่ก็อย่าลังเลที่จะทำมัน' การแสดงอย่างโดดเดี่ยวของเขานั้นได้พูดแบบนั้นกับเรา นี่เป็นการสัมภาษณ์ของ A GQ กับ 'แทยัง' ไอดอลที่มีทั้งความจริงใจและสัญชาตญาณในตัว
'Teayang' สำหรับเรา เป็นไอดอลที่ไม่ธรรมดาเลย เขาน่าประทับใจมาก และพร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับอัลบั้ม 'Real' สิ่งที่จำกัดความถึงตัวเขาเอง ตอนที่แทยังถามเราว่า 'ผมแค่เป็นตัวของตัวเองใช่มั้ยครับ?' เรารับรู้ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกจากใจของเขาจริงๆ ไอดอลที่ไหนเค้าจะมาถามคำถามนี้กัน?
เครื่องดื่มสักหน่อยมั้ย? เบียร์เป็นไง?
"ผมไม่ดื่มจริงๆครับ"
ชอบหน้าหนาวรึเปล่า? อย่างอากาศอย่างวันนี้
"ชอบครับ เพราะผมจะได้ใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น แล้วเพลงโปรดของผมเกือบทั้งหมดก็จะเหมาะกับหน้านี้นะ ผมชอบความรู้สึกที่อบอุ่นน่ะครับ สงบเงียบ เช่นเพลงจังหวะกลางๆแบบนี้ ช่วงนี้ผมฟังเพลง Slow Motion ของ Karina บ่อยมาก แล้วก็เพลงเก่าๆของ Michael Jackson"
จำได้มั้ย หลังจากที่เราเคยสัมภาษณ์คุณไปในฐานะ 'Men of the Year' ไปเมื่อปีที่แล้ว คุณสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้งถ้าคุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ?
"(หัวเราะ) จริงๆ ผมอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆนะครับในปี 2009 แต่รู้สึกว่าผมจะไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ"
ไม่มีเวลางั้นเหรอ คุณยุ่งอยู่กับอะไรล่ะ?
"ตอบตามตรงก็คือผมใช้เวลาไป 6 เดือนเต็มอยู่ในสตูดิโอกับพี่เท็ดดี้ครับ แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำเพลงของผมก็ตาม แต่ผมก็อยากจะเห็นพี่เท็ดดี้ตอนแต่งเนื้อเพลงหรือโปรดิ๊วซ์เพลงแล้วเรียนรู้หลายๆอย่างจากเขาน่ะครับ พวกเราแค่ใช้เวลาไปกับการฟังเพลงมากมายด้วยกัน แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้ผมอยากจะทำอัลบั้มเต็มดีๆสักอัลบั้มนึงขึ้นมา เราแท็กมือกันหลังจากที่ได้ร่วมมือกันทำอะไรเจ๋งๆขึ้นมาสักอย่าง ยังไงดี มันเป็นความสุขเล็กๆ ตอนที่พวกเราสร้างเพลงดีๆขึ้นมาแล้วฟังมันด้วยกัน"
แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องแตกต่างจากตอนทำ 'Look at only me' นี่เป็นการพูดถึงอัลบั้มเต็มครั้งแรกของคุณ เราเชื่อว่าคุณต้องได้รับแรงกดดันมากแน่ๆ ผู้คนคาดหวังในตัวคุณมากเลยนะ
"อันที่จริงแรงกดดันเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกกดดันไม่มากแล้วครับ แต่ช่วงที่ซิงเกิ้ลออกมันวิตกจริตมากจริงๆ อันที่จริงการสัมภาษณ์ครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว แต่ผมเลื่อนมันไปก่อนเพราะช่วงนั้นมันเครียดน่ะครับ แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมคิดว่าความรู้สึกแย่ๆอาจจะทำให้ตอบคำถามไม่ค่อยดีเท่าไร"
คุณนี่เป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสขึ้นสมองเลยนี่นา เข้าขั้นบ้าเลยนะ โอเค ตอนนี้ บอกเรามาดีกว่าว่าคุณมีส่วนร่วมอะไรบ้างในอัลบั้มเต็มอัลบั้มนี้ สิ่งที่คุณทำอยู่ทำให้พวกเราสับสนนะ คุณปล่อยซิงเกิ้ลออกมา แล้วก็มาพูดว่า 'นี่ไม่ใช่เพลงโปรโมตนะครับ เป็นแค่เพลงโบนัส ผมไม่ได้คิดจะโปรโมตเพลงเหล่านี้ครับ' จากสายตาของสาธารณชนอย่างเรา ทุกคนมีอาการแบบว่า 'หือ?'
"ครับ ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไรนะ ผมพูดตรงๆว่าผมไม่ได้หวังว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้เลยครับ แผนที่เราวางเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ เราคิดกันไว้ว่าจะมีกิจกรรมโปรโมตโซโล่ไปเรื่อยๆ จนกว่าอัลบั้มเต็มจะออกมา แต่มันมีสิ่งที่ต้องทำเยอะแยะมากมายจริงๆ รวมถึงงานของบิ๊กแบงด้วย ทุกอย่างเลยต้องพักไว้"
คุณหมายถึงกิจกรรมที่ญี่ปุ่น? บางคนเรียกมันว่าเป็นงานพาร์ททาร์มด้วยซ้ำ
"ถึงยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำครับ"
คุณกำลังจะพูดว่า ไม่มีทางหรอกที่คุณจะสามารถโฟกัสเวลาและพลังทั้งหมดไปที่สิ่งที่คุณอยากจะทำ ใช่มั้ย?
"ใช่ มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไง แน่นอนว่าผมต้องการจะทำให้มันดีแล้วก็น่าประทับใจ แต่..."
แต่แทนที่ทุกคนจะสนใจและคาดหวังกับมันมากขึ้น การปล่อยซิงเกิ้ล Where U at กับ Wedding dress กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่านี่เป็นแค่การเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เฮ้ นี่พวกเราทำให้ คุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะกล่าวถึงเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้รึเปล่า?
"ไม่หรอกครับ ผมแค่รู้สึกแย่ๆกับตัวเอง"
มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะ ที่คุณจะลองหยอดความลับของอัลบั้มเต็มออกมาตอนนี้
"พูดแบบนี้ผมก็หมดทางเลือกน่ะสิ แต่รับรองได้ว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่ดีมากแน่ๆครับ อย่างที่คุณเห็นจากซิงเกิ้ลทั้งสองเพลงนั้น เพลงทั้งหมดในอัลบั้มได้พัฒนาขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับเพลงที่ผมเคยทำมา มันจะแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยครับ"
แตกต่างอย่างสิ้นเชิง?
"ผมอยากที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นน่ะครับ ไม่ได้หมายความว่าอยากเปลี่ยนสไตล์ของตัวเอง ผมหมายถึงอัลบั้มใหม่ของผมนี้จะต้องเป็นอะไรที่ดีกว่าที่ผมวางแผนหรือวาดฝันเอาไว้"
แล้วเมื่อไรมันจะออกมาให้ชาวโลกได้เห็นสักทีล่ะ
"ผมอยากจะออกมาภายในต้นปีนี้ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำมากมายในตารางงานน่ะครับ เพราะฉะนั้น..."
ทางบริษัทไม่รับรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการเลยว่างั้น
"ผมไม่รู้ (หัวเราะ) อย่าพูดแบบนั้น ทางบริษัทรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่ทางบริษัทเองก็มีความคิดมากมายเหมือนกันในใจเขาอยู่แล้วเหมือนกัน ตอนที่พวกเขาจัดการตารางงานและกิจกรรมของผม"
ทั้งเรื่องซับซ้อนแล้วก็สถานการณ์ที่น่าสับสนแบบนี้ คุณอาจจะกำลังภาวนาให้ผลลัพธ์ทั้งหมดออกมาเป็นบวก ที่สามารถทำให้คุณไปได้ไกลมากขึ้น?
"ผมก็หวังว่าแบบนั้นแหละครับ"
(
c) GQ Korea
Translated by pgeorgie@AlwaysTaeYang
Translated to Thai by pphelpz.exteen.com / @pphelpz
Please credit Alway Taeyang when taking elsewhere!!!