"ผมเกลียดมากเวลาที่พวกเขาพยายามจะให้ผมไปอยู่ในกล่องๆนึง
แล้วก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับว่ามันเป็นตัวตนของผม"
แล้วก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับว่ามันเป็นตัวตนของผม"
ตลอดปีที่ผ่านมา คุณคิดว่าคุณโตขึ้นยังไงบ้าง?
"ผมรู้สึกเหมือนกับได้ไปช่วงวัยรุ่นอีกครั้งมากกว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียดและวิตกจริต"
แล้วคุณบรรเทาความความเครียดนั้นด้วยวิธีไหน?
"เดี๋ยวมันก็หายไปเองครับ การคิดเกี่ยวกับดนตรีดีๆและความจริงที่ว่าผมได้รับผลลัพธ์อย่างที่ผมต้องการแล้ว มันก็ทำให้ความรู้สึกแย่ๆตรงนั้นหายไปได้นะ บางครั้งผมก็ใช้ดนตรีเอาชนะความคิดเชิงลบตรงนี้น่ะครับ"
และ Where U At กับ Wedding Dress ก็ดีพอที่จะแสดงถึงการทำงานหนักและความพยายามของคุณได้เยี่ยมทีเดียวนะ ยังไงก็ตาม มันยังทำให้เราแปลกใจอีกว่าสรุปแล้วคุณเน้นไปที่ด้านของภาพลักษณ์มากกว่าตอน 'Look at only me' รึเปล่า มุมนึงอาจจะมองได้ว่า มันเป็นการทำให้ความสำเร็จนั้นสมบูรณ์มากขึ้น แต่ในทางกลับกันมันรู้สึกเหมือนยังขาดๆอะไรไปสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมากลับดูเหมือนคุณโฟกัสไปที่ดนตรีแทนซะอย่างนั้น
"ผมคิดว่าผมรู้นะว่าคุณกำลังพูดอะไร ผมอยากให้ใครสักคนมามาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน"
หลังจากนั้นการโปรโมตเป็นยังไงบ้าง หมายถึง เรื่องที่คุณไม่เคยมีแฟนสาว เราเห็นมันจากสื่อต่างๆ ว่า 'เพลงนี้นำมาจากชีวิตจริงของแทยังที่เขายังไม่เคยมีแฟนเลย' มันดูเหมือนเด็กชะมัดเลยนะ คุณไม่เห็นด้วยใช่มั้ย?
"ผมรู้สึกแบบนั้นแหละครับ"
ไม่ว่าจะเรื่องเดทกับสาวหรือร้องเพลง คุณควรจะให้เรื่องแบบนั้นออกมาอย่างธรรมชาติสิ แต่ผู้ชายอ่อนหัดอย่างในเอ็มวีของคุณทำไม่ได้หรอก
"ที่คุณพูดก็ถูก ผมหวังแค่ว่าจะได้เจอผู้หญิงสักคนที่ผมชอบ และรู้สึกตกหลุมหลักเธอสักที"
หมายถึงว่าคุณจะใช้ทั้งชีวิตในการตามหาผู้หญิงที่ว่านั่นแค่คนเดียวเลยเหรอ?
"ใช่ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ ผมไม่มีความสุขเลยกับการใช้เรื่องแบบนั้นมาช่วยโปรโมต มันทำให้ภาพลักษณ์ของ 'เด็กผู้ชายที่ไม่เคยมีความรัก' ติดตัวผมไปตลอดเวลา ผมเกลียดมากเวลาที่พวกเขาพยายามจะให้ผมไปอยู่ในกล่องๆนึงแล้วก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับว่ามันเป็นตัวตนของผม"
เราคิดว่านี่เป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับคุณเลยนะ มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลย คุณต้องลองดูสักครั้ง ลองเจ็บปวดดูจริงๆสักครั้ง นั่นเป็นสิ่งจำเป็นมาก
"ผมมั่นใจในอัลบั้มของผมนะครับ ผมใช้เวลาในการทำมันนานมาก แล้วก็ทุ่มเททั้งหัวใจแล้วก็จิตวิญญาณลงไปในนั้นด้วย ผมไม่ห่วงเรื่องเพลงเลย แต่กลับไม่มั่นใจในด้านอื่นมากกว่า ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือ กำหนดการปล่อยเพลงที่เหลือยังไม่แน่นอนเลยครับ"
เรารู้ว่าคุณกังวลหลายเรื่อง แต่คุณอาจต้องมองจากมุมที่ต่างออกไปบ้าง หมายถึง มีคนมากมายพยายามจนสายตัวแทบขาดแต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะเปล่งประกายสักที เทียบกันแล้วคุณนี่โชคดีมากเลยนะ!
"คุณพูดถูก ผมควรจะจำคำนี้เอาไว้"
พูดถึงสไตล์ของเพลงที่คุณทำ คุณคิดว่าวงการเพลงในเกาหลีปัจจุบันเป็นยังไง? เราไม่ได้เห็นคุณบ่อยๆในรายการ Music Show แต่แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินมาว่าคุณจะไปออกรายการ Strong Heart มันทำให้เรานึกถึงเนื้อเพลงของคุณโจยองพิลทันทีเลย "ทำไมต้องทำให้ฉันถอนหายใจ..."
"มันยากในหลายๆเรื่องครับ ไม่ว่าจะการแสดงบนเวทีหรือมิวสิคโปรแกรม มันไม่มีกำหนดการชัดเจน คุณทำอะไรไม่ได้มากหรอกถ้าคุณเลือกที่จะทำดนตรีอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะผมจะไปแสดงแค่สัปดาห์ละครั้งเหมือนกับพิธีทางศาสนาประจำสัปดาห์น่ะครับ"
เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญนะเนี่ย และนักดนตรีก็ไม่สามารถไปได้ไกลได้โดยแค่การทำเพลงหรือการแสดงบนเวทีที่ดี คุณเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิส มันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นใช่มั้ย?
"ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองได้ถูกกระตุ้นและมีโอกาสดีๆกว่าคนอื่นจากการที่ผมได้อยู่ในที่ที่มีนักดนตรีดีๆมากมายอยู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ศิลปินเล็กๆ เวลานึกถึงเรื่องของ Michael Jackson เขาทำให้ผมพูดไม่ออกเลย พอมาคิดดูแล้ว มันเป็นเหตุผลว่าทำไมผมรู้สึกเศร้ามาก แต่หัวใจก็ยังฟูฟ่องไปด้วยความสุขในเวลาเดียวกันในรอบปีที่ผ่านมา การคิดถึงผู้ชายคนนึงที่มีเคยชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันกับผม และผมก็เคยมีชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันกับเขา แม้ว่าผมจะรู้ว่าผมไม่มีทางจะได้พบเขาอีกแล้ว ผมก็ยังรู้สึกมีความสุข เพราะว่าผมยังฟังเพลงของเขาได้ และยังดูการแสดงของเขาได้"
เยี่ยมไปเลย เราเข้าใจคุณนะ เพราะเรารู้ว่าคุณจะไม่มีทางใช้ความเคารพที่คุณมีให้เค้าในการทำให้คนสนใจ หรือเต้นเลียนแบบ Michael Jackson
"ใช่ครับ มันไม่ถูกต้องเลยกับการทำแบบนั้น"
(c) GQ Korea
Translated by pgeorgie@AlwaysTaeYang
Translated to Thai by pphelpz.exteen.com / @pphelpz
Please credit Alway Taeyang when taking elsewhere!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น