30 พฤษภาคม 2553
[News] Bigbang รวบ 3 รางวัลจากงาน MTV VMAJ 2010!
ในงานประกาศผลรางวัล 'MTV World Stage Video Music Awards' (ย่อ WA VMAJ) ของ MTV JAPAN
ได้จัดขึ้น ณ โยโยกิสเตเดียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้ Bigbang ได้รับการเสนอเข้าชิง
รางวัล คือรางวัล Best Pop Video Award , Video Award for Best New Artist
รวม 2 สาขา และ Best Collaboration Video Award ซึ่งเป็นการ ร่วมงานกัน ของ W-inds และ
G-Dragon และผลประกาศได้เปิดเผยมาแล้วว่า Bigbang ได้รับรางวัลทั้งหมด รวม 3 รางวัล
ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
29 พฤษภาคม 2553
[NEWS] G-Dragon พลาดในคอนเสิร์ตยังน่ารัก
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Big Bang ได้แสดงคอนเสิร์ตในคอนเสิร์ต FIFA World Cup Big Concert และบนเวที G-Dragon ได้แสดงผิดพลาด แต่ด้วยความน่ารักของเขาแฟน ๆ กลับยิ่งชอบเขามากขึ้น...
28 พฤษภาคม 2553
[Info] ความคืบหน้าโซโล่อัลบั้มของ ท็อป
นี่เป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ท็อปจากเว็บไซต์ Daum ค่ะ
เกี่ยวกับความคืบหน้าของผลงานเดี่ยวของท็อป
โดยท็อปบอกไว้ว่า โซโล่อัลบั้มของเขานั้นอยู่ในระหว่างการเขียนเพลง
ขอโทษที่ทำให้แฟนๆต้องรอ เพราะเขาอยากจะออกผลงานที่เซอร์ไพรส์แฟนๆ
แล้วก็ยังคาดหวังไว้ด้วยว่าจะมีการแสดงคัมแบคที่น่าตื่นเต้นของบิ๊กแบงอีกด้วย
[บทสัมภาษณ์]-TAE YANG-Elle girl Korea
“ผมไม่สนใจที่จะหันไปทำอย่างอื่นจริงๆนะ”
แทยังนั้นแตกต่างกับสมาชิกบิ๊กแบงคนอื่นๆที่รับงานอื่นนอกจากงานเพลง ในขณะที่เพื่อนๆวุ่นวายอยู่กับวาไรตี้โชว์ ละครทีวีและละครเวทีนั้น สิ่งที่เขาใส่ใจอยู่อย่างเดียวคือ “ดนตรี”
เป็นเรื่องดีทีเดียวที่ได้เจอเขาอีกครั้งหนึ่งแถมเขายังเอาข่าวดีมาบอกเราด้วยว่า เขากำลังทำอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มที่สองอยู่! ถึงแม้ว่าอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ออกมาในแบบอีพี จะประสบความสำเร็จในชาร์ทเพลงได้อย่างโดดเด่น แต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาก็ยังมีอะไรที่อยากจะทำอีกมากมาย เหตุผลสองอย่างที่เขาทำงานหนักเพื่ออัลบั้มที่สองนี้ก็คือมันเป็นความปราถนาของเขาที่ทำให้งานในอัลบั้มออกมาดีขึ้นและความรู้สึกผูกพันธ์ที่มีต่อแฟนเพลงของเขานั่นเอง
“ผมร่วมงานกับพี่เท็ดดี้มาตั้งแต่ต้นปีเพื่อที่จะหาว่าผมต้องการทำเพลงแนวไหน ผมไม่ได้เฉพาะเจาะจงตั้งใจมาแต่แรกเลยนะว่าจะทำเพลงเพื่อใส่ในอัลบั้มที่สอง แต่การทำงานร่วมกันก็กลายมาเป็นอัลบั้มที่สองไปโดยปริยาย อัลบั้มแรกของผมออกมาในแบบอีพี เพราะงั้นเวลามันเลยเหมาะสมที่ผมจะทำอัลบั้มเต็ม ผมจะใช้เวลาทำให้มันออกมาเพอร์เฟ๊คมากพอๆกับการที่ผมอยากจะเป็นคนที่เพอร์เฟ๊คเลยครับ”
แทยังใช้เวลาที่แยกตัวออกไปจากแฟนๆชาวเกาหลีก็เพื่อที่จะตอกย้ำบุคคลิกของเขาในฐานะศิลปินเดี่ยวและมุ่งมั่นที่จะโปรโมตเพลงของบิ๊กแบงอีกด้วย สำหรับการที่จะเปิดตัวบิ๊กแบงในวงกว้างที่ญี่ปุ่นนั้น บิ๊กแบงได้ปล่อยซิงเกิ้ลสองเพลงและอัลบั้มเต็มหนึ่งอัลบั้ม และอยู่ที่นั่นยาวขึ้นเพื่อโปรโมตอัลบั้มของพวกเขาอย่างหนักหน่วง
“นี่หมายความว่าตอนนี้บิ๊กแบงได้รับสถานะว่าเป็น “โคเรี่ยน เวฟ” แบบที่เค้าเรียกกันแล้วรึเปล่า“
แทยังพยักหน้ารับอย่างอ่อนน้อม
“แรกๆพวกเราไม่ได้ไปญี่ปุ่นในฐานะดารา “โคเรี่ยน เวฟ” หรอกครับ เราไปที่นั่นเพื่อบอกให้คนอื่นได้รู้จักเพลงของเราผ่านทางค่ายเพลงอินดี้ในฐานะที่เราคือนักดนตรี ต่อมาเราก็โชคดีมากพอที่จะได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่และได้รับความสำเร็จแบบเกินคาดซึ่งส่งให้อัลบั้มของเราติดอยู่ในอับดับสูงๆของโอริกอน ชาร์ท ประสบการณ์ที่น่าจดจำสุดๆของผมก็คือการที่เราได้ไปออกรายการเพลงที่มีชื่อเสียงมากๆของญี่ปุ่นอย่างรายการมิวสิค สเตชั่นครับ ”
สำหรับบิ๊กแบงการได้พักผ่อนนั้นเป็นความหรูหราและก็ไม่ได้มีมาบ่อยๆ เมื่อใดที่พวกเราทำอะไรได้ตามเป้าหมาย ก็มีเป้าหมายถัดไปที่ยากกว่ารอพวกเขาอยู่ เรากลัวว่าพวกเขาจะอ่อนเพลียลงไปทั้งกายและใจซะก่อนและพวกเขามีใครที่พอจะคุยด้วยได้มั๊ยเวลาที่อยากจะระบาย
“ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอกครับ คือใจของพวกเรามันเต็มไปด้วยเรื่องทิศทางของพวกเราในอนาคตน่ะครับ พวกเรารู้ว่าใครๆก็คาดหวังกับพวกเราไว้สูงและผมรู้นะว่าผมต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเก่า แต่ก่อนเวลาที่ผมกังวลใจ ผมก็จะเก็บมันไว้กับตัวเองคนเดียว แต่ตอนนี้ผมก็ระบายออกให้คนอื่นอีกสองสามคนที่ผมเชื่อถือและพึ่งพาเค้าอยู่ได้รับรู้ ผมรู้สึกสบายใจสุดๆเลยเวลาได้คุยกับพี่เท็ดดี้”
จะยังไงก็ตาม วันนี้แทยังก็ยังลำบากกับปัญหาที่แม้แต่ “พี่เท็ดดี้” ก็ยังช่วยไม่ได้ เขาอุทิศตัวให้กับการอัดเสียง จนลืมไปว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของคุณแม่
“แม่ส่งข้อความมาหาผม แม่ถามผมว่าผมจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านได้มั๊ย ผมยุ่งจนไม่ได้ตอบกลับเลยอ่ะ ผมควรจะทำไงดีเนี่ย”
ตลอดการสัมภาษณ์แทยังดูเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ตอนนี้เขากลับดูเขินอายเหมือนเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ เขาน่าจะกลับไปทำหน้าที่ลูกชายแสนดีให้เต็มที่ซักพัก ใครก็ตามที่เคยได้คุยกับเขาแม้เพียงครั้งเดียวก็จะรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่สดใสและแข็งแรงออกมาจากภายในเหมือนพระอาทิตย์ สิ่งที่ทำให้แทยังเป็นศิลปินอย่างที่เขาเป็นอยู่นี้ก็คือความหลงใหลในบทเพลงและเขาก็จะยังเป็น “นักดนตรีผู้ใหญ่” ตราบใดที่เขายังมีสิ่งนั้นอยู่นั่นเอง
[INTERVIEW] บทสัมภาษณ์ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
- ตอนนี้ พวกคุณทำงานไป ๆ มา ๆ ระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น
YB: ครับ ถูกต้อง
- คุณมีที่ไหนในญี่ปุ่น ที่คุณชอบบ้างมั้ย?
GD: ที่นี่ครับ (Unit Record Company) พวกเรามาที่นี่กันบ่อย มันเลยรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้านเราไปแล้ว
- การอยู่ที่ญี่ปุ่นเนี่ย มีอะไรที่พวกคุณรู้สึกไม่คุ้นเคยมั้ย?
GD: ตามคาดเลยครับ ภาษา มันรู้สึกอึดอัดเวลาที่ไม่สามารถสื่อสารได้ แต่เพราะว่ายังไม่ถึงเดือนเลยตั้งแต่เรามาถึงญี่ปุ่น ยังมีอะไรอีกมากที่เรายังไม่รู้ แทนที่เราจะไม่คุ้ยเคย อย่างเช่น ถ้าเราไม่รู้ถนนหนทาง มีอีกหลายเรื่องที่ทำให้
เรารู้สึกลำบากมากกว่านั้น แต่คนที่อยู่รอบ ๆ เรา ต่างก็ช่วงเหลือเรา ทำให้เราสามารถผ่านมันไปได้ครับ
- ในทางตรงกันข้าม มีอะไรมั้ยที่เข้ากับคุณจนทำให้คุณพูดได้ว่า "ฉันน่าจะเป็นคนญี่ปุ่นนะ?"
GD: ช็อปปิ้งครับ ช็อปปิ้งนี่โอเคสุด ๆ เลย (หัวเราะ)
DS: และอาหาร รสชาติอาหารญี่ปุ่นเหมาะกับผมครับ มันดีมากเลย
- อาหารญี่ปุ่นที่คุณชอบมากที่สุดล่ะ?
DS: ผมชอบหมดเลยครับ แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษก็ปลาและก็อาหารทะเลครับ
- ที่เกาหลีก็มีอาหารทะเลเยอะแยะเหมือนกันเลยใช่มั้ย?
DS: ใช่เลยครับ มีเยอะแยะเลย แต่เพราะสถานที่ต่างออกไป อาหารก็เลยต่างออกไปนิดหน่อยเหมือนกันครับ
- คุณคิดยังไงเกี่ยวกับวงการเพลงญี่ปุ่น?
YB: ผมรู้สึกว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดดนตรีที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองที่สุดในโลก หลังจากที่มาญี่ปุ่น ผมคิดว่าดนตรีของประเทศญี่ปุ่นมีความหลากหลายมาก ๆ สำหรับผม เวลามองหาซีดีที่มีแนวเพลงดนตรีที่แตกต่างออกไป ญี่ปุ่นก็มี
อัลบั้มใหม่ ๆ มาทันที และมันก็เยี่ยมสำหรับการช็อปปิ้งเลยครับ อีกอย่าง หลายครั้งที่คนญี่ปุ่นมีโอกาสได้เห็นการแสดงของศิลปินต่างชาติ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าเรากำลังเดินหน้าไปพบกับชัยชนะหรือความพ่ายแพ้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยล่ะครับ
- คุณพูดว่า ซิงเกิลเดบิวหลัก 'My Heaven' เป็นเพลงที่ได้รับความชื่นชอบในเกาหลี
GD: เพลงนี้เป็นเพลงนึงในอัลบั้มที่เราปล่อยที่เกาหลีครับ ซึ่งมีชื่อว่า 'Heaven' และเพลงนี้ก็ได้รับความรักจากทุกคน ตอนที่เราคิดเกี่ยวกับการเดบิวครั้งสำคัญในญี่ปุ่น และเพลงไหนควรจะเป็นเพลงที่กระตุ้นใจของทุก ๆ คน
เราคิดถึงเพลงนี้ครับ มันมีทั้งอารมณ์, ทั้งจับใจ และเป็นเพลงที่น่าฟัง เราเลยคิดว่าคนญี่ปุ่นน่าจะชอบเพลงนี้แน่ ๆ เนื้อเพลง 'Heaven' ในเวอร์ชั่นเกาหลีจะเป็นอะไรที่สดใส แต่สำหรับ 'My Heaven' เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้น เนื้อเพลงจะเป็นอะไรที่สะเทือนใจ เศร้า ๆ ครับ นั่นล่ะครับความแตกต่าง
- เพลงนี้เรียบเรียงโดย G-Dragon ในความคิดของคุณจุดสำคัญของเพลงนี้อยู่ตรงไหน?
GD: ผมใช้ความพยายามอย่างมากในการใส่เมโลดี้ให้เข้ากับเพลง และก็ต้องทำให้เพลงและเมโลดี้นั้นเข้ากันได้ดี ไม่แตกแยก นั่นละครับเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
- การร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นยังไง?
GD: ในตอนแรก มันเป็นอะไรที่ยาก เพราะผมไม่รู้ความหมายของเนื้อร้อง ยังไงก็ตาม ผมพยายามฝึก เพราะผมต้องการสื่ออารมณ์ที่ถูกต้องให้กับทุกคน นั่นทำให้ผมคิดว่า ผมจะต้องขยันให้มากขึ้น
- คุณไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์หรืออะไรหรอ
T.O.P: ผมไม่คิดว่าการออกเสียงมันจะทำให้ชีวิตดูยากลำบาก ในแง่มุมนั้น ผมว่ามันมีค่าในการที่จะมุ่งไป ยังไงก็แล้วแต่ มันยากตรงที่ผมอยากทำบางอย่างที่เวลาคนญี่ปุ่นได้ยินแล้วจะคิดว่า "โอ้, มันก็ไม่เลวนะ" ตอนที่เราร้องเพลง ถ้าเราคิดว่าตรงส่วนไหนที่สำเนียงหรือการออกเสียงของเรายังสะเพร่าอยู่ เราก็จะฝึกฝนส่วนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และหลังจากนั้นก็จะบันทึกกันใหม่
- แล้วความคิดเห็นเกี่ยวกับเพลง 'Emotion' ล่ะ?
SR: เราคิดว่ามันเป็นเพลงแบบในคลับครับ เป็นอะไรที่สามารถเต้นไปด้วยได้ ถ้าให้ประเมิน ผมคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เวลาคุณได้ฟังแล้ว คุณจะถูกดึงดูดเข้าไปในสเน่ห์ของจังหวะและดนตรีของมันครับ
- เนื้อเพลง ค่อนข้างจะเซ็กซี่ เป็นเพลงที่แสดงถึงด้านในจิตใจกับความรู้สึก
T.O.P: ดูสิ, พวกเราเซ็กซี่ (หัวเราะ) แล้วพวกเราก็เจ๋งด้วยครับ (หัวเราะ)
- ใน 5 คนเนี่ย ใครเหมาะกับเพลงนี้ที่สุด?
YB: (ตอบแบบเล่น ๆ) ซึงรีครับ (หัวเราะ)
- นั่นแปลว่าหล่อสุดนี่คือซึงรีหรอ (หัวเราะ)
T.O.P: เพราะว่าเค้าเจ๋งครับ
GD: (พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น) "ถูกเผ๋ง" (หัวเราะ)
- รู้สึกยังไงตอนทำซิงเกิ้ลที่สอง Gara Gara Go!!
GD: เมื่อตอนที่เราจะปล่อยอะไรสักอย่างในเกาหลี เราคิดเสมอว่าเราต้องการแสดงอะไรใหม่ ๆ, ด้านที่แตกต่างให้กับทุกคน เพราะงั้น เราเลยโปรโมทโดยไม่ยึดติดกับแนวเพลง และเราคิดว่าเราน่าจะทำแบบนั้นเหมือนกันในญี่ปุ่น
My Heaven จึงมีเมโลดี้ที่ค่อนข้างสบาย ๆ แต่เราคิดว่าซิงเกิ้ลที่ 2 น่าจะมีจังหวะที่หนักแน่นขึ้น และในการสร้างความแตกต่างนั้น เราก็ต้องการแสดงความเป็นตัวเราให้เห็นกันครับ
SR: ในเรื่องเพลงเหมือนกัน สำหรับเพลง Gara Gara Go!! เราตั้งใจทำเพลงนี้ เพื่อให้คนที่ได้ฟังรู้สึกมีความสุข เพื่อที่เราจะได้นำชีวิตเข้าสู่จังหวะที่ตื่นเต้นของเพลงนี้
- Top of the World เป็นเพลงสบาย ๆ เพลงจังหวะเทมโปแบบกลาง ๆ
GD: นอกเหนือจากส่วนที่เป็น R&B แล้ว ผมคิดว่ามันยังมีกลิ่นอายของฮิพฮอพในนั้นด้วย รวมทั้งมีความรู้สึกด้านมืดรวมอยู่ด้วยครับ
- หลังจาก 2 งานนี้แล้ว ในที่สุดอัลบั้มแรกของคุณก็ได้ฤกษ์ปล่อยออกมาคือในเดือนสิงหาคม ตอนนี้คุณจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจังกับอัลบั้มนี้เลยหรือเปล่า? (จขกท.คิดว่าเป็นอัลบั้มเต็มที่ญี่ปุ่นที่ออกมาเมื่อวันที่ 19 สิงหานะ)
GD: ใช่ครับ เราอยู่ในช่วงระหว่างการผลิตอยู่ครับ
SR: เมื่อตารางงานของเราในแต่ละวันหมดลง เราก็ไปห้องอัดทันทีเลยครับ ในช่วงนี้ ทุก ๆ วันจะวุ่นวายมาก ๆ เลยครับ (ยิ้มแบบฝืน ๆ)
TY: เมื่อวาน เราอยู่กันทั้งคืนเพื่อบันทึกเสียงด้วยครับ
- คุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง
SR: เรายุ่งกันมาก ๆ ในช่วงระหว่างการผลิต แต่เพราะสิงหาเป็นหน้าร้อน พวกเราจึงรวบรวมเพลงที่มีจังหวะหนัก ๆ ที่จะทำให้คนฟังมีความสุขเมื่อพวกเขาได้ฟังมันในช่วงหน้าร้อนครับ
GD: เนื่องจากพวกเราเลือกหลาย ๆ ที่พวกเราชอบด้วยตัวเอง ผมแน่ใจครับว่าคนฟังก็ต้องชอบมันเหมือนกัน
TY: อัลบั้มนี้เยี่ยมมากครับ ผมรู้สึกมั่นใจในอัลบั้มนี้มากเลยครับ (พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น) ตรงเป๊ะ (หัวเราะ)
- ท้ายนี้ เราขอให้คุณฝากอะไรถึงแฟน ๆ ญี่ปุ่นของคุณหน่อย
SR: พวกเรามีเดบิวครั้งสำคัญในตอนนี้ แต่สำหรับแฟน ๆ ที่เคยดูพวกเรามาก่อนนั้น เราอยากจะโปรโมทไปเรื่อย ๆ เพื่อจะได้พบกับแฟน ๆ ตามที่พวกเขาได้คาดหวังเอาไว้ แล้วคอยพบกับพวกเรานะครับ
TY: ในครั้งนี้ เพราะพวกเราจะใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน มันจะมีโอกาสอีกหลายครั้งที่พวกเราจะได้พบกับแฟน ๆ ในญี่ปุ่น พวกเราคิดด้วยว่า มันจะเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ถ้าเราสามารถขึ้นแสดงที่ญี่ปุ่นในหลาย ๆ เวที และ
นั่นทำให้พวกเรากังวลเหมือนกันครับ อีกทั้ง เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราอยากเซอร์ไพรส์แฟน ๆ! ผมอยากเซอร์ไพรส์ทุกคน นั่นจะทำให้พวกเขาหยุดและคิด จนถึงตอนนี้ มีศิลปินเกาหลีมากมายที่มาโปรโมทที่ญี่ปุ่น แต่ในเกาหลี ก็มีนักร้องแบบนี้เหมือนกัน!
- การที่จะยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่นก็เช่นกัน มันจะเป็นอะไรที่ดีมากถ้าคุณสามารถทานอาหารทะเลอร่อย ๆ ของญี่ปุ่นได้
DS: ไม่ครับ เรากินไปแล้วเยอะแยะเลยครับ (หัวเราะ)
TY: ใช่เลย (พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น) ทูน่า! ผมล่ะชอบจริง ๆ เลยครับ! (หัวเราะ)
VIEW: จากท็อปถึงแทยัง
Q: ท็อป คุณคิดว่าแทยังเป็นยังไง?
TOP: เขาเป็นคนที่จิตใจดีจริง ๆ ครับ และก็ใจกว้าง บางครั้ง เขาก็ดุคนอื่นแบบจริง ๆ จัง ๆ เหมือนกันครับ
Q: ข้อดีของแทยังคืออะไร? น้ำเสียงเวลาร้องเพลง?
TOP: ผมคิดว่าเขาใช้ชีวิตกับพลังแห่งความเพลิดเพลินของเขาได้ดีนะครับ เขาแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเพลงแอฟริกัน ซึ่งเป็นรากฐานในดนตรีเพลงของเขา
Q: บทบาทของแทยังในวงเป็นยังไง?
TOP: ในวงหรอครับ เป็นแม่ครับ
VIEW: จากแทยังถึงจีดราก้อน
Q: แทยัง คุณคิดยังไงกับจีดราก้อน?
TY: จีดราก้อนเป็นอะไรที่สดใหม่และบริสุทธิ์ครับ เขาเจ๋งและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
Q: อะไรเป็นสเน่ห์ดึงดูของจีดราก้อน? น้ำเสียง?
TY: เสียงสูงครับ
Q: บทบาทของจีดราก้อนในวงเป็นยังไง?
TY: เป็นหัวหน้าวง เป็นคนที่คอยสั่งคนอื่น โดยเฉพาะซึงรี พูดง่าย ๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับซึงรีที่จะทำให้เขาโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบครับ
VIEW: จากจีดราก้อนถึงซึงรี
Q: จีดราก้อน คุณคิดว่าซึงรีเป็นยังไง?
GD: เป็นน้องชายที่น่ารักครับ ยังไงก็แล้วแต่ เวลาที่ผมอยู่ใกล้ ๆ เขา ผมรู้สึกเหนื่อยอ่ะครับ เพราะมันมีอะไรอีกมากมายที่จะต้องเอาใจใส่น่ะครับ (หัวเราะ)
Q: อะไรเป็นสเน่ห์ดึงดูของซึงรี? น้ำเสียง?
GD: ในจุดที่คุณคิด เขาเปลี่ยนเสียงหรอครับ? ผมคิดว่าเขากำลังแสดงให้เห็นถึงเสียงของเด็กผู้ชายน่ะครับ
Q: บทบาทของซึงรีในวงเป็นยังไง?
GD: ในฐานะที่มีอายุน้อยที่สุดในวง เขาเป็นใครสักคนที่สามารถให้พลังกับคุณได้ เขารับมันไว้ ถึงแม้ว่าผมจะแกล้งเขาเยอะก็ตาม (หัวเราะ)
VIEW: จากซึงรีถึงแดซอง
Q: ซึงรี คุณคิดว่าแดซองเป็นยังไง?
SR: เขาสดใสมากครับ และใส่ใจกับทุก ๆ รายละเอียด และไม่ประมาทครับ
Q: อะไรเป็นสเน่ห์ดึงดูของแดซอง? น้ำเสียง?
SR: เป็นเสียงที่แน่นและมีน้ำหนักทีเดียว เป็นเสียงที่ลึกซึ้ง เป็นน้ำเสียงส่วนสำคัญสำหรับบิ๊กแบง เป็นแกนนำสำคัญที่ช่วยเราได้
Q: บทบาทของแดซองในวงเป็นยังไง?
SR: เป็นประเภทชอบสร้างอารมณ์ครับ เป็นไวรัสแห่งความสุขที่ทำให้ผู้คนรอบข้างเขามีความสุขครับ
VIEW: แดซองถึงท็อป
Q: แดซอง คุณคิดว่าท็อปเป็นยังไง?
DS: ถึงแม้เขาจะมีอายุมากที่สุดในวง เขาก็ยังสนิทกับคนที่อายุน้อยกว่าเขา และโดยปราศจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เขาใส่ใจในคุณ เป็นคนที่อบอุ่นมาก ๆ ครับ
Q: อะไรเป็นสเน่ห์ดึงดูของท็อป? น้ำเสียง?
DS: เสียงระดับต่ำปานกลาง ถ้าคุณได้ยินครั้งนึง คุณจะลืมไม่ได้เลย มันเป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากครับ
Q: บทบาทของท็อปในวงเป็นยังไง?
DS: เป็นคนตลกครับ เวลาที่เราทำอะไรข้าง ๆ เขา เขาก็จะเริ่มแร็พหรืออะไรประมาณนี้อ่ะครับ (หัวเราะ)
- ยินดีด้วยกับการเดบิวที่ญี่ปุ่นของพวกคุณ!
TY: เพลงเดบิว 'My Heaven' เป็นการร่วมทำงานกันระหว่างจีดราก้อนและ DJ DAISHI DANCE ซึ่งเขาเคยชื่นชอบมาก่อนครับ เราตัดสินใจที่จะเอาเพลงนี้เป็นเพลงเดบิวเพราะว่าเราได้รับการตอบที่ดีเยี่ยมในการออกทัวร์เมื่อปีที่แล้วครับ
- แฟนเกาหลีไม่เหงาหรอ เพราะพวกคุณย้ายมาที่ญี่ปุ่นเนี่ย?
GD: ทุก ๆ คนสนับสนุนเราในการเดบิวที่ญี่ปุ่น และเพราะอัลบั้มเดี่ยวของผมจะออกมาเร็ว ๆ นี้ มันก็โอเคอยู่ครับ!
DS: ตอนนี้ที่เกาหลี โฆษณาของพวกเรานั้นมีมากกว่า 10 แบบเลยครับ
- คุณเตรียมตัวในการเดบิวที่ญี่ปุ่นยังไง?
TY: อย่างแรกนะครับ คือการเรียนภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็แล้วแต่ คนที่สามารถพูดญี่ปุ่นได้ก็คือซึงรีและแดซอง และตัวผม ที่เหลือก็สามารถฟังได้ แต่พวกเขาพูดได้นิดหน่อยครับ
TOP: เราตัดสินใจที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับสตาฟท์
- พวกคุณอยู่ด้วยกัน
TY: ในเกาหลี พวกเราอยู่ด้วยกันที่หอพัก แต่ในญี่ปุ่น มันเป็นเหมือนแมนชั่นครับ เช่าห้อง 3 ห้อง แดซองพักกับผม จีดราก้อนกับซึงรี ท็อปพักกับผู้จัดการครับ ผู้จัดการจะเป็นคนซักเสื้อผ้าให้พวกเรา ส่วนเรื่องอาหาร ก็จะมีคนคอย
หามาให้ งั้นเพื่อความต้องการของสุขภาพ เราทานอาหารเกาหลีครับ
SR: พวกเราต่างมีนิสัยที่แตกต่างกันเวลานอน แดซองจะนอนท่าไหนท่านั้นถึงเช้าเลยครับ แทยังจะตื่นทันทีเมื่อมีเสียงอะไรสักอย่าง สำหรับผม หัวกับเท้าของผมจะเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางตลอดครับ
GD: เวลาผมหลับ ผมจะไม่ตื่นครับ ถึงแม้จะเช้าแล้ว ผมก็ไม่สามารถตื่นได้ครับ (หัวเราะ)
- ห้องของใครสะอาดที่สุด
DS: จีดราก้อนหรือเปล่า?
- ไหนบอกพวกเราหน่อยเกี่ยวกับบุคลิกของแต่ละคน แดซองเป็นยังไงหรอ?
SR: เขาสดใสและชอบสร้างอารมณ์สนุกสนาน
TY: บางทีเขาก็ดูเป็นดารามาก ๆ เลยครับ แบบว่าชอบมีความลับเยอะ
- บอกความลับของพวกคุณให้ฟังหน่อยสิ!
DS: ไม่ชอบเข้าห้องน้ำ เพราะว่าผมเป็นดารา (หัวเราะ)
- แล้วแทยังล่ะ?
DS: เขาแม่นยำในทุก ๆ อย่างที่ต้องทำ และพยายามมากขึ้นแม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
SR: เพราะความคิดของเขาในเรื่องเพลงเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง สเน่ห์ของเขาบนเวทีถึงได้เยี่ยมมาก ๆ!
- แทยังมีความลับอะไรบ้างหรือเปล่า?
TY: ผมของผมมันไม่ค่อยยาวเลยครับถึงแม้จะผ่านมาเป็นปี ๆ แระเนี่ย! (หัวเราะ)
TOP: เพราะผมของเขามันเป็นทรงอ่ะครับ (หัวเราะ)
- แล้วซึงรีอ่ะ?
SR: พูดจริง ๆ เลยนะครับ ช่วงนี้ลำไส้ผมไม่ค่อยดีเลยอ่ะครับ (หัวเราะกันทุกคน) นี่มันเป็นปัญหาใหญ่นะ!
DS: เขาคิดในเรื่องที่สมาชิกคนอื่นไม่สามารถคิดได้อ่ะครับ เขาเป็นน้องเล็กที่น่ารัก
- ท็อป?
DS: เวลาที่เขาร้องหรือแสดง เขาเจ๋งมาก ๆ เลยครับ และในชีวิตประจำวัน เขาเป็นพี่
SR: เขาเป็นคนตลก
- แล้วจีดราก้อนล่ะ?
DS: เขาเป็นหัวหน้าวง และเขาเข้มงวดในเรื่องงาน และเขาก็บอกพวกเราในสิ่งดี ๆ
SR: เขาเป็นคนที่กระตือรือร้น หลักแหลม เขาจะรู้ทันทีเวลาที่คุณทำอะไรผิด เหตุผลที่ผมเจ็บท้องนั้นต้องโทษจีดราก้อนครับ (หัวเราะ)
GD: ฉันปฎิบัติกับนายดีตลอดแหละ!!
- อะไรที่อาจจะเปลี่ยนไปเวลาที่เดบิว?
GD: เมื่อตอนที่เราเป็นหน้าใหม่ เราก็แค่ขยันให้มากขึ้น พวกเราไม่มีอิสระ ฉะนั้นมันจะเป็นอะไรที่ดีถ้าเราสามารถคิดถึงอนาคต ผมคิดว่าเราใช้จิตวิทยาเพื่อการเติบโตอะครับ
TOP: ถึงแม้เราจะมีประสบการณ์มากมายจากช่วงเวลาสั้น ๆ ผมคิดว่าเราเติบโตเร็วเหมือนกันครับ เรายังมีอะไรอีกมากมายที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับมนุษย์ และผมคิดว่าในแต่ละคน พวกเราลึกซึ้งและพิถีพิถันมากขึ้น
- พวกคุณทุกคนโตแล้ว~
TOP: ผมยังเด็กครับ (หัวเราะ)
- ข้อความถึงแฟนเพลงคุณ
GD: ฟังเพลงของพวกเราและมาดูคอนเสิร์ตของเรานะครับ และคุณจะได้รู้จัก BIGBANG
- ความคิดภายในถูกปล่อยออกมา Intuition Q&A
G-DRAGON
- สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อนึกถึงซัมเมอร์?
GD: BIGBANG! เพอร์เฟ็กซ์สำหรับซัมเมอร์.
- ความคิดเกี่ยวกับแฟน ๆ ญี่ปุ่น?
GD: พวกเขาจริงจัง พวกเขาเรียนและส่งจดหมายมาให้เราเป็นภาษาเกาหลี และพวกเขาก็เหมือนเหล่าภรรยาที่คอยสนับสนุนสามีพวกของเธอ
- ศิลปินที่คุณชื่นชอบ?
GD: MGMT
- ผู้หญิงในแบบที่คุณชอบ?
GD: ผมอยากเจอ Aoi Yu ผมจะพยายามให้มากขึ้น!
- คุณอยากได้เดทแบบไหน?
GD: กับความรู้สึกของผมกับการเดทกับคนนี้! ผมอยากจะกุมมือเธออย่างเปิดเผยและก็ไปสวนสนุกด้วยกัน
- ด้านไหน S หรือ M? ------- คือไรหรอ บอกเราที!
GD: S แน่นอนครับ (หัวเราะ)
- ถ้าสมาชิกทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณจะเป็นใคร?
GD: พ่อ
TAEYANG
- สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อนึกถึงซัมเมอร์?
TY: Wakeboard
- ความคิดเกี่ยวกับแฟน ๆ ญี่ปุ่น?
TY: พวกเขาดีมาก ๆ ครับ สำหรับผม พวกเขารอทั้งวัน และให้จดหมายกับผมพร้อมกับของขวัญ พวกเขาช่างเลิศจริง ๆ ครับ!
- ศิลปินที่คุณชื่นชอบ?
TY: Michael Jackson
- ผู้หญิงในแบบที่คุณชอบ?
TY: คนที่เข้าใจผมและชอบผมจริง ๆ ครับ
- คุณอยากได้เดทแบบไหน?
TY: ผมอยากทำอะไรที่ธรรมดา เช่น ไปดูหนังกัน
- ด้านไหน S หรือ M?
TY: พูดตรง ๆ เลยนะครับ ผมไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง
- ถ้าสมาชิกทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณจะเป็นใคร?
TY: แม่
T.O.P
- สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อนึกถึงซัมเมอร์?
T.O.P: Gara Gara GO!! พร้อมกับบิกินี่~ (หัวเราะ)
- ความคิดเกี่ยวกับแฟน ๆ ญี่ปุ่น?
T.O.P: พวกเขาไม่แตกต่างจากแฟนเกาหลีครับ
- ศิลปินที่คุณชื่นชอบ?
T.O.P: Ryan Leslie
- ผู้หญิงในแบบที่คุณชอบ?
T.O.P: BIGBANG! --------- เค้าถามผู้ ญ นะปู่ -"-
- คุณอยากได้เดทแบบไหน?
T.O.P: เดทที่มีไวน์ และผมก็อยากป้อนผลมะกอกให้เธอ (หัวเราะ)
- ด้านไหน S หรือ M?
T.O.P: มันไม่ใช่ทั้ง S หรือ M เพราะพวกเราเป็น YG Family แน่นอนมันต้องเป็น YG?
- ถ้าสมาชิกทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณจะเป็นใคร?
T.O.P: ลูกน้อย (Baby) --------- ไม่ดูอายุนะ 5555
DAESUNG
- สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อนึกถึงซัมเมอร์?
DS: ทะเล, บ่อน้ำร้อน
- ความคิดเกี่ยวกับแฟน ๆ ญี่ปุ่น?
DS: พวกเขาเลิศครับ แล้วก็น่ารักเวลายิ้มครับ
- ศิลปินที่คุณชื่นชอบ?
DS: Maxwell
- ผู้หญิงในแบบที่คุณชอบ?
DS: คนที่มีรอยยิ้มที่น่ารัก การพูดจาแบบคนมีชื่อเสียง ผมเริ่มชอบ Takeuchi Yuko หลังจากได้หนังของเธอเรื่อง Be With You
- คุณอยากได้เดทแบบไหน?
DS: เที่ยวรอบโลกครับ
- ด้านไหน S หรือ M?
DS: มันสนุกที่ได้เห็นซึงรีอดทนต่อฝีมือของสมาชิกในวง ฉะนั้นต้องเป็น S!
- ถ้าสมาชิกทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณจะเป็นใคร?
DS: พี่สาวคนโตครับ
SEUNGRI
- สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อนึกถึงซัมเมอร์?
SR: แตงโม
- ความคิดเกี่ยวกับแฟน ๆ ญี่ปุ่น?
SR: ประมาณ 1-2 ปีก่อน ผมคิดว่าพวกเขาเงียบ ๆ นิ่ง ๆ แต่ตอนนี้ พวกเขาตะโกนกันที่งาน งั้นผมคิดว่าพวกเขาค่อนข้างเร่าร้อนครับ
- ศิลปินที่คุณชื่นชอบ?
SR: Justin Timberlake, Oasis
- ผู้หญิงในแบบที่คุณชอบ?
SR: Amuro Namie โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเต้นของเธอครับ
- คุณอยากได้เดทแบบไหน?
SR: ผมอยากเต้นด้วยกันครับ! ผมชอบจังหวะวอลซ์และการเต้นแบบเป็นทางการ
- ด้านไหน S หรือ M?
SR: M
- ถ้าสมาชิกทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณจะเป็นใคร?
SR: A half brother or a cute dog
27 พฤษภาคม 2553
[TRANS] TOP บทสัมภาษณ์ใน VOGUE
ท็อป คนที่มีหน้าตาคล้ายเด็ก ตอนนี้เราได้เห็นเค้าในหนังเรื่องแรกกันแล้ว “Into the Fire” ผู้ที่แฟนๆคุ้นเคยกับ
การเห็นเค้าร้องแร็ปอย่างอิสระและดุเดือด กับ การยิ้มที่มุมปากอันหน้าหลงใหล มาถึงตอนนี้เค้าข้ามขั้นมาเป็น
นักแสดงในหนังเรื่องแรกอย่างเต็มตัวแล้ว
หมอกควันหนาปกคลุมผืนป่าสีเขียว เสียงตีกลองล่อยลอยมากระทบหู ในโลกที่ไม่สามารถค้นพบได้ถูกปกคลุม
ไปด้วยสีเขียว สถานที่เงียบสะงัด มีเสียงดังขึ้น และ สถานที่สงบสุขได้ถูกทำลายไป ด้วยเสียง ของกลอง
Thump, dum, thump!! เป็นทางเดียวที่จะอธิบายลักษณะของเสียงได้ ด้วย Oskar ตัวละครจากนวนิยาย
เรื่อง Gunter Grass นี้คืออาวุธของผู้ที่อ่อนแอเพียงชิ้นเดียว ที่เอาไว้ใช้ต่อต้านและท้าทายกับโลกอันทารุณ
และ โหดร้าย
ท็อปตีกลองอย่างนิ่งเงียบ ความคมคายตรงรูปกรามบนใบหน้าแสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของการโตเป็นผู้ใหญ่
แล้ว การขมวดคิ้วมาจากความตั้งอกตั้งใจ และ การเม้มริมฝีปาก แต่ ดวงตาสีดำนั้นเบิกกว้าง รูปแบบการจ้องมอง
ของเค้านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะมองตอบกลับไปได้ง่ายๆ
“ผมคิดว่า สิ่งที่อยู่ในใจผมนั้นมันสับสนและวุ่นวายมากครับ ตอนที่เด็กคนอื่นๆ เล่นกันอยู่ที่สนามเด็กเล่น ส่วน
ใหญ่ผมจะใช้เวลาอยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเองมากที่สุดครับ ตอนเด็กๆผมจะทำแค่สองสิ่งก็คือ เขียนเนื้อร้อง และ
ร้องแร็ป ครับ ความอ้างว้าง และ ความเหงา ได้กลายมาเป็นพลังประเภทหนึ่งที่ทับถมอยู่ข้างในตัวผม มันจะออก
มาได้ก็ต่อเมื่อผมต้องการครับ ครั้งแรกที่ผมขึ้นเวที ผมได้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของผม ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า
มันมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยสะเพร่า หรือ ไม่ยั้งคิดเลย และ ผมก็จะไม่ใช้พลังงานของผมไปกับสิ่งที่ไร้สติ
หรือโง่เง่า ด้วยเหมือนกันครับ ”
สำหรับเค้าแล้ว เหตุผลที่รับเล่นหนังเรื่อง Into the Fire เป็นเรื่องแรก มีเพียงเหตุผลที่ค่อนข้างจะดูง่ายๆ
“ผมรู้สึกว่า มันไร้เหตุผลที่จะคิดเป็นเรื่องของภาระหน้าที่ เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันจะไม่สามารถสำเร็จได้ ถ้าหาก
ขาดผม” หลังจากที่เห็นท็อปใส่สูท ร้องเพลงเดี่ยวของเขา ในคอนเสิร์ตบิ๊กแบง ได้เป็นตัวกำหนดเลยว่าเค้าได้
บทของ Jang TaeWong อยู่ในมือทันที สำหรับหนังเรื่อง Into the Fire เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของ
สนามรบที่เกิดขึ้นที่ Pohang (สิงหาคม 1950) เป็น เรื่องราวที่เล่าผ่านทางสายตาที่เห็นจากเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี
หนังเรื่องนี้เป็นแรงดลใจจาก นักเรียนทหารที่ส่งจดหมายมาเป็นร้อยฉบับ Lee WooKeun ถึงแม่ของเขา
ท็อปรับบทเล่นเป็น Oh JangBum ผู้ที่เล่าเรื่องราว และ นายพลทหารของกองนักเรียนทหาร
“แม่ครับ ผมฆ่าคนตาย” เค้าเริ่มต้นเขียนจดหมาย
“ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่า เรื่องแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ แฟนๆที่เด็กกว่าผมเข้าใจนักเรียนทหารเพียงแค่ส่วน
หนึ่งที่ปล่อยออกมา ผมต้องการเล่าความจริงของประวัติศาสตร์ครับ เหตุผลที่ผมแร็ป และ ทำเกี่ยวกับฮิปฮอป
ตั้งแต่เด็ก ผมต้องการเล่าเรื่องราวของผมครับ จากข้อเท็จจริงนั้น ในช่วงอายุที่ นักร้องไอดอล ไหลหลั่งมากมาย
ผมควรทำสิ่งที่มีความหมายมากกว่านี้ครับ เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเค้าแล้ว ”
ท็อป เขียน ดั่งเหมือนเป็น Oh JangBum ถ้าหากอยู่ในยุคสมัยใหม่
อะไรคือจุดประสงค์หลักสำหรับเค้าของการมาเป็นดารา และ สามารถทำเงินได้มากมายตั้งแต่ยังเด็ก
“นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่เสมอๆ เหมือนกับคนอื่นละครับ และ ผมไม่คิดว่า ใครชักคนจะมีคำตอบให้กับชีวิตกับตน
เอง ผมไม่เคยหาคำตอบได้เลย ดั่งจำนวนผู้คนที่เพิ่มขึ้นรอบๆตัวผม ก็แค่สนุกกับมันแทนครับ ผู้รู้สึกว่าผมมีความ
รับผิดชอบมากขึ้น และ เมื่อเวลาผ่านไป ผมต้องการมีความสมบูรณ์แบบให้มากกว่านี้เพื่อพวกเขาครับ”
อิทธิพลของความรู้สึกนึกคิดในเรื่องของการรับผิดชอบ ที่อยู่รอบตัวเค้าสามารถเทียบได้กับนายพลทหารของนัก
เรียนทหาร ใครกันคือ ท็อป บุคคล คนหนึ่ง ไม่ใช่ดาราหรอกหรอ
“ผมไม่ทราบครับ ผมไม่เคยออกไปไหนมาไหนกับ ท็อป เพราะฉะนั้นผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่า ผมเป็นคนที่มีความ
รับผิดชอบสูงครับ ผมก็ไม่อยากพูดแบบนั้นหรอกครับ เดี๋ยวผมจะได้ขุดหลุมฝังตัวเอง (หัวเราะ)”
ท็อป เริ่มอยู่ที่ Hapchun 6 เดือน หลังจากที่ละครเรื่อง Iris จบการผลิต โรงแรมเก่าๆนั้นคือบ้านหลังที่สองของ
เค้า ตั้งอยู่ในเขตเล็กๆ ที่ห่างจากชนบท มีร้านอาหารเพียงไม่กี่แห่ง มันฝรั่งต้ม อาหารจีน และ ในบางครั้งเค้าก็
กินอาหารทั้งหมด ความเป็นอยู่มันช่างแตกต่าง เมื่อ เปรียบเทียบกับความเป็นอยู่ของเหล่าไอดอล
“ประมาณช่วง 6 โมงเย็นหลังจากการถ่ายทำ ผมกลับไปที่ห้องพักครับ และ หลังจากการทบทวนบท หลังจากนั้น
ไม่นานผมจะรู้สึกเหงา และ คิดมาก ดั้งนั้น ผมจึงดื่มไวน์และหลับไป ”
บางครั้งเค้าต่อสู้ในความฝันกับ ชา ซึง วอน ผู้ที่รับบทเป็น นายพลทหารของเกาหลีเหนือ ปาร์ค มู เรียง ในช่วง
เวลานั้น มีอีกอย่างหนึ่ง คือคอนเสริทที่ญี่ปุ่น ท๊อป ไม่สามารถที่จะไปปรากฏตัวที่ไหนได้ ได้เพียงแต่เป็น Oh
JangBum เท่านั้น ท็อป รู้สึกว่าบทบาทครั้งนี้จะไม่มีทางสำเร็จถ้าหากขาดการให้ตัวของเค้าทั้งหมด ประธานของ
บริษัท วายจี ยางฮยอนซอก ใส่ความเชื่อมั่นลงไปในการตัดสินใจของท็อป สำหรับบทบาทครั้งนี้
จนมาถึงตอนนี้ ท็อปใช้ชีวิตอยู่ในแบบความต้องการของเค้าเอง เค้าคือบุคคลที่รู้จักในนามของการเป็นประเภท
ที่ไม่ทำตัวอยู่ภายใต้คำสั่งของคนอื่น ในเรื่องของการฟังแนวดนตรี เพลง ฮิบฮอป และ ชื้อเสื่อผ้าของตัวเอง
ท็อป แอบทำงานพาทไทม์ที่ร้านขายเสื้อผ้าที่ LeeTaeWon โดยผู้ปกครองของเค้านั้นไม่ทราบเลย เทมโป
ชื่อที่ใช้เมื่อตอนอยู่ใต้ดิน เค้าเริ่มต้นไปพับใต้ดินชื่อว่า HongDae สถานที่ที่เค้ามีชื่อเสียง
“เมื่อถึงตอนอายุ 20 ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ‘ผมต้องลองทำมันทุกอย่าง’ นั้นคือความตั้งใจของผมที่คิดไว้ครับ
ผมใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้กังวล แต่ผมไม่เคยทำสิ่งเลวร้ายนะครับ”
เค้าเคยใส่เสื่อผ้ามามากมายหลายแบบ เค้าเริ่มที่จะเหนื่อยและเบื่อแล้ว จะมีผู้ชายสักกี่คนที่สามารถใส่เสื่อผ้า
ของ John Galliano และ สูทของ Tom Brownได้ ดั่งวัย 24 ปี ในแบบฉบับของตนเอง
ท็อปไม่เคยไปออดิชั้นเพื่อไปเป็นนักร้องเลย ท่านประธาน ยาง ฮยอน ซอก เรียกตัวเค้าหลังจากที่จีดราก้อนได้
มอบแผ่นเพลงแร็ปเดโมที่ทำโดยศิลปินเทมโป จนกระทั้งทุกวันนี้ วายจี ไม่เคยเรียกตัวคนที่ไม่ได้ผ่านการตัดสิน
บนเวทีมาก่อนเลย แม้ว่าเค้าจะอายุ 20 ในช่วงที่บิ๊กแบงเดบิว การเป็นเป็นเด็กฝึกหัดของเค้านั้นมันสั้นนักเมื่อ
เทียบกับสมาชิกคนอื่นๆ
“ถามผมว่าเคยล้มเหลวมั้ย? ไม่ครับ ผมไม่ใช้คนผูกใจเจ็บ แต่ถ้ามีสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ผมจะพยายามเอามาให้
ได้มากที่สุดด้วยทางใดทางหนึ่งครับ หลากหลายโอกาสเกิดขึ้นใกล้ตัวผมดั่งเช่นโชคชะตาพากำหนด แน่นอน
ครับ ผมทำงานหนัก และ ทุกครั้งที่ทำก็จะทำให้มันดีที่สุดครับ”
เค้าไม่เคยคิดที่จะเป็นนักแสดงมาก่อนเลย แต่เค้ากลับได้รับเล่นเอ็มวีเพลง Hello ของ Red Rock ในปี 2007
โดยในเอ็มวี ท็อปรับบทเป็นผู้ที่มีรอยแผลอันเนื่องมาจากความรัก และ เค้ายังต้องโกนผมตนเองอีกด้วย ในปี
เดียวกันนั้น เค้าก็ได้รับบทเป็นนักเรียนมัธยมปลายในละครเรื่อง I am sam และยังมีละครที่ทำร่วมกันระหว่าง
เกาหลี – ญี่ปุ่น เรื่อง I am , 19 และ Iris ติดตามต่อหลังจากนี้
“ผมไม่เคยเรียนการแสดงอย่างจริงๆจังๆเลยครับ ในตอนเริ่มแรก ทางเอเจนซี ได้ จ้างครูสอนมาให้ผมแต่เขานั้น
ก็ต้องลาออกเพราะผม พวกเขาบอกว่า การพูดจา และ โทนเสียงของผมนั้น...ก็แค่เสียงของผมมันต่างจากคนอื่น
เกินไป ที่จะสามารถแสดงร่วมกันได้ ความจริงก็คือ ถ้าหากเทียบกับแร๊ปเปอร์คนอื่นๆแล้ว ผมก็ยังร้องเสียงที่
แตกต่างกันอะครับ ”
นักแสดงผู้ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ไม่ได้กล่าวถึงข้อบกพร่องถึงตัวเค้าเลย ในวันที่แถลงข่าวกับสื่อมวลชน
ชา ซึง วู กล่าว “ซึงฮยอน(ท็อป) มีใบหน้าที่ผมอยากมีเมื่อตอนที่ผมอายุ 20” คิม ซึง วู กล่าว “มันทำให้ผมสงสัย
ว่า ถ้าผมสามารถแสดงเหมือนเค้าได้ ในตอนที่ผมอายุเท่าเค้าผมจะทำได้หรือป่าว ฉะนั้นเค้าคือนักแสดงที่มีคุณ
ค่าแกการจับตามองจริงๆครับ ” ควาง ซาง วู กล่าวอย่างภูมิใจว่า “เค้าแสดงได้ดีมาก ไม่ใช่แค่ฉากต่อสู้เท่านั้น
ฉากที่ต้องใช้อารมณ์อ่อนไหวเค้าก็ทำได้ดีไม่แพ้กันนะครับ”
ประโยคที่น่าประทับใจถูกกล่าวถึง ท็อป ผู้ที่ต้องอาศัยอยู่ในกองถ่ายทำเนื่องจากมีฉากที่ต้องถ่ายเป็นจำนวนมาก
ลักษณะเฉพาะของ เช้นในเรื่องจังหวะของแร็ปเปอร์ จริงๆแล้วก็ช่วยเค้าในเรื่องของการพูดสำเนียงอื่นได้ดี ใน
ตอนเริ่มต้น เค้านั้นลำบากมากเพราะการติดนิสัยของเค้าที่จะเน้นคำสุดท้ายเพื่อเป็นจังหวะ แต่เมื่อเค้าได้ลองฟัง
ดูแล้ว เค้าก็จะสามารถพูดเลียนแบบสำเนียงนั้นได้อย่างดี
“ผมต้องการที่จะทำให้ทุกคนประหลาดใจกับสำเนียงของผม แต่ถึงอย่างงั้น ผมก็ไม่อยากได้ยินว่า ‘ท็อปเปลี่ยน
แปลงไปเป็นนักแสดงเสียแล้ว’ แม้กระทั่งตัวผมเอง ผมก็ยังไม่ทราบเลยว่าผมเป็นใคร แต่คำว่า เปลี่ยนแปลง
มันสามารถทำให้เข้าใจผิดได้ครับ”
แม้ต้อนที่เค้าเป็นนักแสดง ชื่อที่ใส่ไว้ก็ยังเป็น ท็อป ซึ่งมันไม่ใช้ชื่อจริงแต่อย่างใด (ชเวซึงฮยอน) สำหรับเค้า
แล้ว ชื่อ ท็อป ไม่ได้ใช้แค่บนเวทีอย่างเดียว มันคือบทบาทที่เค้าเคยใฝ่ฝันไว้ในใจในตอนก่อนเดบิว เค้าเคย
สร้างบทบาทนี้มาแล้ว จากการแสดง และ การแสดงอารมณ์ของใบหน้า แม้แต่ความอ่อนหนุ่มของมือในการ
เคลื่อนไหว
“ผมไม่สามารถอธิบายได้ในรายละเอียด แต่มันมีความเป็นสองสิ่ง ความใส่ชื่อ และ ส่วนของสิ่งนั้นไม่สามารถ
เปลียนได้ ผมเป็นคนที่ไม่คิดถึงสิ่งเลวร้าย และ ไม่ทำสิ่งที่เป็นเล่ห์นัย แต่ผมก็ไม่เคยขึ้นไปร้องแร็ปแบบชัด
แจ้งตรงๆ หรือ แบบความใส่ชื่อเลยนะครับ จริงมั้ย? ท็อป ที่อยู่บนเวที อาจจะเป็นผมจริงๆ หรือ อาจจะไม่ใช่
ตัวผมจริงๆ ก็เป็นได้ ”
ในขณะที่บุคคลนี้สามารถร้องแร๊ปได้อย่างมั่นใจ จ้องมองกล้อง พร้อมกับพูดจาอย่างเป็นกันเอง แต่เค้านั้นไม่
สามารถมองตาคนที่พูดคุยกับเค้าได้เลย
และนี้คืออีกด้านหนึ่งของท็อป คนที่ไม่สามารถมั่นใจว่านี้ใช้ตัวเค้าจริงหรือ จ้องมองผ่านกล้องดวงตาของท็อปก็
เอ่อท่วมไปด้วยน้ำตา จากนั้นน้ำตาก็หยดลงมา ชายที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและทำให้ผู้อื่นหัวเราะกับการแกล้ง
ทำเป็น Mickey Rourke ใน Wrestler ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เด็กผู้ชายที่ถือปืนยาวไร้กระสุน ในตอนนี้คือ
Oh JangBum ทุกคนจ้องมองเค้าในขณะที่ต้องคุมการหายใจ มีเพียงเสียงของเครื่องทำควัน ที่เผาไหม้เมล็ด
กาแฟเป็นการแสดงถึงการยิง ผืนป่าเต็มไปด้วยกลิ่นของเมล็ดกาแฟโดยทันที ช่างภาพ Hong JangHyun ถ่าย
ภาพด้วยกล้อง ยุค 70 Hasselblad ฟิล์ม รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว เค้าเคยถ่าย ท็อป มาแล้วประมาณ 20 ครั้ง
เริ่มตั้งแต่โปรโมทอัลบั้มเพลง Lie ของ บิ๊กแบง ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นช่างภาพอยู่แล้ว แต่การแสดงสีหน้าของเค้า
หลังจากการมองดูเค้าในวันนี้ มันเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเค้านั้นมีรัศมีของการเป็นนักแสดง มันเป็นบางอย่างที่ไม่
สามารถค้นพบได้เมื่อเค้าอยู่กับสมาชิกทั้ง 4 คน ท็อป แสดงอารมณ์ได้หลากหลายภายในภาพเดียว ความ
ปรารถนาอันแรงกล้า ความกลัว และ ความอ่อนแอต่อการเชื่อใจ ที่วิ้งอยู่บนใบหน้าที่ดูเด็กของเค้า ในสนามรบที่
บ้าคลั่งในเต็มไปด้วยคนที่เติบโตแล้ว เค้าเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องเตือนใจครั้งสุดท้ายในแบบใส่ชื่อ
ของมนุษยชาติ
“ตอนนี้ผมเป็นเด็กที่เพิ่งตระหนักได้ว่า ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองสำหรับชีวิตผมมากแค่ไหน แต่นั้นก็ไม่ได้หมาย
ความว่าผมไม่มีความสุข ผมแค่เคยเอนเอียงไปในทางที่ผิดก็เท่านั้นเองครับ แต่หลังจากได้อ่านบทของหนังแล้ว
ผมคิดเลยทันทีว่าขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ได้ไปเกิดในยุคนั้น ผมหวังว่าเด็กสมัยนี้จะตระหนักได้เช่นกัน”
เดือน สิงหาคม วันที่ 11 ปี 1950 นักเรียนทหารชื่อ Lee WooKeun ถูกพบศพอยู่ที่สนามรบ ตรงข้ามกับ โรงเรียน
หญิงล้วน Pohang ในขณะที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือด ณ Dabu-gong จากทหารจำนวนทั้งหมด 78 นายในกอง
ทหาร สิ้นชีพทั้งหมด 48 นาย รวมทั้ง ทหาร Lee นั้นคือเรื่องราวที่ถูกจารึกไว้
ในขณะนี้ ใจกลางป่าใหญ่อันสงบสุข ท็อป ตั้งอาวุธขึ้นในท่าพร้อมรบ
“โปรดฟังเรี่องราวของผม” Thum, dum, thump !!
24 พฤษภาคม 2553
18 พฤษภาคม 2553
17 พฤษภาคม 2553
16 พฤษภาคม 2553
[news]2PM ส่งข้อความ 'ซื้อเหล้ามาให้หน่อยสิ' ให้แทยัง จีดราก้อน และเซ่เว่น
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา จุนโฮ จุนซู และ อูยอง แห่ง 2PM ได้เป็นแขกรับเชิญในรายการ kim heechul's young street radio show ในระหว่างช่วงหนึ่งของรายการ ดีเจฮีชัลก็สั่งให้ทั้งสามคนส่งข้อความที่เขียนว่า 'ฉันกำลังมีเรื่องลำบากใจ ช่วยซื้อเหล้ามาให้หน่อยสิ' ไปให้กับเพื่อนๆ ของเขา
คนแรก มินโฮจากวง shinee ตอบข้อความของจุนโฮกลับมาอย่างรวดเร็ว "ฮยอง! เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? และหลังจากที่จุนโฮอธิบายไปว่ามันเป็นคำสั่งจากรายการวิทยุ มินโฮก็ตอบกลับมาอย่างโล่งอกโดยพูดว่า 'ผมกังวลแทบแย่' จุนโฮคงจะรู้สึกดีแน่ๆ ที่เขาได้รับความห่วงใยจากน้องชายคนนี้
ถัดมาที่กลุ่มเพื่อนของจนซู อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าจุนซุจะสนิทกับ YG Familyดังนั้น เขาจึงส่งข้อความไปยังสมาชิกบริษัทเริ่มแรกที่ Seven เขาตอบกลับมาอย่างแสนฉลาด "ตอนแรกฉันจะพิมพ์ไปว่า 'นายว่างเมื่อไรก็โทรมาฉันจะซื้อเหล้าไปให้'แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วนะว่านายออกรายการวิทยุอยู่ ว่าแต่ไปทำอะไรมาถึงขาเจ็บได้ล่ะ?"ส่วนG-Dragon ตอบกลับมาอย่างเท่ๆ"นายมีเรื่องอะไรที่ทำให้ลำบากงั้นเหรอ? เป็นผู้ชายต้องไม่ขี้บ่นรู้มั้ย!"และสุดท้ายคำตอบที่แสนจะไร้เดียงสาของแทยัง "ฉันไม่ดื่มเหล้าน่ะ ขอโทษนะ"
ฝ่ายอูยองส่งข้อความไปยังพิธีกรรายการ win win อย่าง Kim seung woo เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า "โอเค นายต้องการเมื่อไหร่ก็โทรมาเลยแล้วกัน ฉันจะซื้อเหล้าไปนายทันที"
10 พฤษภาคม 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)